ประสบการณ์ชีวิตหนึ่งวันที่กรุงเวียนนา
หนึ่งวันเต็มถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆ และไม่ได้ออกไปยังสถานที่ต่างๆที่ไกลออกไปจากตัวเมือง(ซึ่งส่วนใหญ่จะเดินเที่ยวอยู่ในเมืองและพิพิธภัณฑ์) แต่ก็มีความประจับใจชนิดที่ไม่มีวันลืม เนืองจากเวียนนาเป็นเมืองที่มีความสวยงามและมีสถาปัตยกรรมที่งดงามน่าหลงไหลเป็นอย่างมาก ซึ่งอยากแนะนำให้ไปเยือนครับหากมีโอกาส
*** เวียนนามีอะไรที่น่าดูชมมากมาย แต่สมัยนั้นกล้องมีราคาแพง ผู้เขียนไม่มีกล้องติดตัวไป มีแต่แบบ single use camera หรือกล้องใช้ครั้งเดียวทิ้ง ก็เลยมีภาพมาใช้ชมน้อย แต่สำหรับความทรงจำแล้วมีให้เต็มเปี่ยมสำหรับเมืองนี้
ส่วนขากลับ ก็นั่งรถไฟกลางคืนและนอนบนรถไฟอีกเช่นเคย ออกจากเวียนนาประมาณทุ่มกว่า และมาสว่างที่เมืองโคโลญ หลังจากเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยก็หาอะไรลองท้อง จากนั้นก็เดินท่องเที่ยวไปตามซอกมุมต่างๆของเมืองโคโลญ
พอช่วงบ่ายก็นั่งรถไฟต่อมาที่เมืองแฟร้งเฟิร์ต และเดินทางมาถึงช่วงประมาณบ่าย 4 โมง หลังจากนั้นก็เดินสำรวจเมืองอีกเช่นเคย และเดินท่องราตรีดูแสงสียามค่ำคืนของเมืองแฟร้งเฟร์ต ถึงประมาณ 3 ทุ่มเศษ จากนั้นจึงเดินทางกลับโรงแรมที่เมืองเนิร์นแบร์ก และเตรียมตัวบินกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้น
สำหรับเมืองโคโลญ แฟร้งเฟร์ต และเมืองอื่นๆในเยอรมันนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
เกี่ยวกับเวียนนา
เวียนนา (อังกฤษ: Vienna) หรือ วีน (เยอรมัน: Wien) เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย และเป็นชื่อเขตการปกครองในออสเตรียด้วย เวียนนาเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในออสเตรีย เป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจและการปกครอง มีประชากรประมาณ 1.6 ล้านคน มีแม่น้ำดานูบไหลผ่าน เวียนนายังเป็นที่ตั้งของหน่วยงานในสหประชาชาติหลายแห่ง เช่น United Nations Industrial Development Organization (UNIDO) และองค์กรระดับนานาชาติหลายแห่ง เช่น โอเปก (OPEC)
ลิงค์ที่น่าสนใจ
ลุยๆๆ ค่ำไหนนอนนั่น
ทริปนี้เกิดขึ้นช่วงคริสมาสต์ ปี ค.ศ 2002 (ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งหลังจากเสร็จการอบรมเกี่ยวกับ KEB Drive (ระดับกลาง) ที่เมือง Barntrup แล้ว ก็เดินต่อไปที่เมืองเนิร์นแบร์กโดยรถไฟ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเยอรมัน เพื่อมาศึกษาดูงานออโตเมชั่นแฟร์หรือที่เรียกว่า Nürnberg Messe
หลังเสร็จภาระกิจ อบรม และศึกษาดูงาน ก็ได้เวลาหาประสบการณ์ชีวิตนอกกะลา
*** การมาอบรม + ศึกษาดูงานที่เยอรมันแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่จะได้มาครั้ง 3-4 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นการฝึกอบรม 2 สัปดาห์ ดูงาน 1-2 วัน หลังจากนั้นก็จะมีเวลาให้พักผ่อนเล็กน้อย 2-3 วันก่อนเดินทางกลับ
การจะได้เดินทางมาเยอรมันแต่ละครั้งนั้นต้องบอกว่ามันไม่ใช่เรื่อง่ายเลย ดั้งนั้นเมื่อมีโอกาสได้มาแล้วผมจึงลุยแบบชนิดที่เรียกว่าถึงไหนถึงกัน
ทริปนี้ก็เช่นกันหลังเสร็จการศึกษาดูงานออโตเมชั่นแฟร์ที่เมืองเนิร์นแบร์กเรียบร้อยแล้ว ผมก็ถือโอกาสเดินทางไปเปิดหูเปิดตาที่ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
เส้นการเดินทาง
ผมออกเดินทางจากเนิร์นแบร์กตอนเที่ยงคืนกว่าๆ เดินทางข้ามจากฝั่งเยอรมันไปออสเตรียโดยอาศัยโบกี้รถไฟเป็นโรงแรมนอนหลับพักผ่อนระหว่างเดินทาง ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงกว่า และเดินทางมาถึงสถานีรถไฟที่กรุงเวียนนาประมาณ 6 โมงเช้า
*** คืนนั้นตั้งใจนอนหลับแบบพักผ่อนแบบเต็มๆ แต่อนิจจาเพือนร่วมโบกี้ กลับกลายเป็นแหม่มสาวสวยสดใสรูปงานขั้นเทพ แถมยังมีกันอยู่แค่สองคน .... อีกทั้งเจ้าหล่อนยังมานอนข้างๆอีก เฮ้อคิดแล้วกลุ้ม... สรุปว่าคืนนั้นทำเอาใจเต้นแรงตลอดทางและหลับไม่สนิทเท่าไหร่เลย 555
*** เดินเที่ยวชมเมืองท่ามกลางหิมะตกและอากาศที่หนาวเหน็บ เดินทางไปก็แวะดื่มไวน์ร้อนๆ ที่ชาวบ้านทำขายเองหรือที่เรียกว่า โฮมเมด ไวน์ เรื่อยไป (จริงๆแล้วมีชื่อเรียกเฉพาะ แต่ผมจำชื่อไม่ได้) ซึ่งกว่าจะหมดวันก็เป๋ไปเป๋มาเหมือนกัน เนื่องจากซดไปหลายจอก กว่าร่างกายจะอุ่นก็เล่นเอามาววว !!!
ทริปนี้เกิดขึ้นช่วงคริสมาสต์ ปี ค.ศ 2002 (ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งหลังจากเสร็จการอบรมเกี่ยวกับ KEB Drive (ระดับกลาง) ที่เมือง Barntrup แล้ว ก็เดินต่อไปที่เมืองเนิร์นแบร์กโดยรถไฟ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเยอรมัน เพื่อมาศึกษาดูงานออโตเมชั่นแฟร์หรือที่เรียกว่า Nürnberg Messe
หลังเสร็จภาระกิจ อบรม และศึกษาดูงาน ก็ได้เวลาหาประสบการณ์ชีวิตนอกกะลา
*** การมาอบรม + ศึกษาดูงานที่เยอรมันแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่จะได้มาครั้ง 3-4 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นการฝึกอบรม 2 สัปดาห์ ดูงาน 1-2 วัน หลังจากนั้นก็จะมีเวลาให้พักผ่อนเล็กน้อย 2-3 วันก่อนเดินทางกลับ
การจะได้เดินทางมาเยอรมันแต่ละครั้งนั้นต้องบอกว่ามันไม่ใช่เรื่อง่ายเลย ดั้งนั้นเมื่อมีโอกาสได้มาแล้วผมจึงลุยแบบชนิดที่เรียกว่าถึงไหนถึงกัน
ทริปนี้ก็เช่นกันหลังเสร็จการศึกษาดูงานออโตเมชั่นแฟร์ที่เมืองเนิร์นแบร์กเรียบร้อยแล้ว ผมก็ถือโอกาสเดินทางไปเปิดหูเปิดตาที่ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
เส้นการเดินทาง
ผมออกเดินทางจากเนิร์นแบร์กตอนเที่ยงคืนกว่าๆ เดินทางข้ามจากฝั่งเยอรมันไปออสเตรียโดยอาศัยโบกี้รถไฟเป็นโรงแรมนอนหลับพักผ่อนระหว่างเดินทาง ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงกว่า และเดินทางมาถึงสถานีรถไฟที่กรุงเวียนนาประมาณ 6 โมงเช้า
*** คืนนั้นตั้งใจนอนหลับแบบพักผ่อนแบบเต็มๆ แต่อนิจจาเพือนร่วมโบกี้ กลับกลายเป็นแหม่มสาวสวยสดใสรูปงานขั้นเทพ แถมยังมีกันอยู่แค่สองคน .... อีกทั้งเจ้าหล่อนยังมานอนข้างๆอีก เฮ้อคิดแล้วกลุ้ม... สรุปว่าคืนนั้นทำเอาใจเต้นแรงตลอดทางและหลับไม่สนิทเท่าไหร่เลย 555
เมื่อถึงเป้าหมายก็จัดแจงล้างหน้าแปรงฟันและทานอาหารเข้าที่สถานีรถไฟ จากนั้นก็ออกเดินทางพร้อมแผ่นที่ 1 แผ่นเพื่อเดินทางชมเมืองและตามหาแลนด์มาร์คที่อยู่บริเวณรอบเมือง
หนึ่งวันเต็มถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆ และไม่ได้ออกไปยังสถานที่ต่างๆที่ไกลออกไปจากตัวเมือง(ซึ่งส่วนใหญ่จะเดินเที่ยวอยู่ในเมืองและพิพิธภัณฑ์) แต่ก็มีความประจับใจชนิดที่ไม่มีวันลืม เนืองจากเวียนนาเป็นเมืองที่มีความสวยงามและมีสถาปัตยกรรมที่งดงามน่าหลงไหลเป็นอย่างมาก ซึ่งอยากแนะนำให้ไปเยือนครับหากมีโอกาส
แลนด์มาร์คที่สำคัญใจกรุงเวียนนา ซึ่งละครไทยหลายเรื่องมักจะมาถ่ายฉากจบกันนะที่หน้าบริเวณโดมแห่งนี้ |
ถ่ายหน้าพิพิธภัณฑ์ซี่งตั้งอยู่ข้างๆโบถส์ดังรูปด้านบน |
ตลาดช่วงเทศกาลคริสมาส |
*** เวียนนามีอะไรที่น่าดูชมมากมาย แต่สมัยนั้นกล้องมีราคาแพง ผู้เขียนไม่มีกล้องติดตัวไป มีแต่แบบ single use camera หรือกล้องใช้ครั้งเดียวทิ้ง ก็เลยมีภาพมาใช้ชมน้อย แต่สำหรับความทรงจำแล้วมีให้เต็มเปี่ยมสำหรับเมืองนี้
ส่วนขากลับ ก็นั่งรถไฟกลางคืนและนอนบนรถไฟอีกเช่นเคย ออกจากเวียนนาประมาณทุ่มกว่า และมาสว่างที่เมืองโคโลญ หลังจากเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยก็หาอะไรลองท้อง จากนั้นก็เดินท่องเที่ยวไปตามซอกมุมต่างๆของเมืองโคโลญ
พอช่วงบ่ายก็นั่งรถไฟต่อมาที่เมืองแฟร้งเฟิร์ต และเดินทางมาถึงช่วงประมาณบ่าย 4 โมง หลังจากนั้นก็เดินสำรวจเมืองอีกเช่นเคย และเดินท่องราตรีดูแสงสียามค่ำคืนของเมืองแฟร้งเฟร์ต ถึงประมาณ 3 ทุ่มเศษ จากนั้นจึงเดินทางกลับโรงแรมที่เมืองเนิร์นแบร์ก และเตรียมตัวบินกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้น
เกี่ยวกับเวียนนา
เวียนนา (อังกฤษ: Vienna) หรือ วีน (เยอรมัน: Wien) เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย และเป็นชื่อเขตการปกครองในออสเตรียด้วย เวียนนาเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในออสเตรีย เป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจและการปกครอง มีประชากรประมาณ 1.6 ล้านคน มีแม่น้ำดานูบไหลผ่าน เวียนนายังเป็นที่ตั้งของหน่วยงานในสหประชาชาติหลายแห่ง เช่น United Nations Industrial Development Organization (UNIDO) และองค์กรระดับนานาชาติหลายแห่ง เช่น โอเปก (OPEC)
ลิงค์ที่น่าสนใจ
No comments:
Post a Comment