เดินทางเพื่อสานต่อความฝัน ณ ประเทศคูเวต
หากไม่นับจังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศพม่าที่ติดกับชายแดนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายแล้วละก็ คูเวตถือว่าเป็นประเทศแรกที่ผมได้มีโอกาสเดินทางมามาสัมผัสกลิ่นไอและสูดดมอากาศนอกประเทศ
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการเดินทางมาคูเวตก็เพื่อมาทำงานเก็บเงินสำหรับเรียนต่อ ป.ตรี ตามที่เคยได้วาดฝันเอาไว้
2 August 1990 คือวันที่อิริกเคลื่อนทัพเข้าไปยืดครองประเทศคูเวต และส่งผลทำให้เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียตามมา จนกระทั่งสงครามได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 28 February 1991 ดังที่กล่าวไว้ในตอนที่แล้ว (รายละเอียดเกี่ยวกับสงครามอ่าวเปอร์เซีย (Gulf War ) อ่านได้ที่นี = > สงครามอ่าวเปอร์เซีย
เมื่อมีความเสียหายก็ต้องมีการบูรณะซ่อมแชม
เมื่อสงครามสิ้นสุด...อเมริกาซึ่งเป็นหัวหน้าทีมในปฏิบัติการพายุทะเลทรายในครั้งนั้น ก็ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลคูเวตให้เป็นผู้นำในการดับไฟบ่อน้ำมันรวมถึงการบูรณะซ่อมแซมประเทศ และมีการประกาศรับสมัครแรงงานและนำเข้าแรงงานจากประเทศต่างๆ ซึ่งรวมแล้วก็เกือบสามสิบประเทศ
ขณะนั้น ผมทำงานเป็นช่างเทคนิคอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง รายได้ตามวุฒิ ปวส ก็ตกราวเกือบสามพันถึงสามพันต้น ซึ่งรวมรายได้ต่อเดือนก็ประมาณสามพันกว่าบาทถึงสี่พัน ขึ้นอยู่จำนวนชั่วโมง O.T. รายรับแต่ละเดือนเมื่อหักค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายอืนๆแล้วทำให้แต่ละเดือนมีเงินเก็บไม่ถึงพันบาท
จากรายได้ที่เหลือเก็บในแต่ละเดือนหากเอามาคำนวนดูแล้ว ต้องใช้เวลาถึงประมาณสิบปี กว่าจะเก็บเงินได้หลักแสนเพื่อเป็นทุนสำหรับศึกษาต่อในหลักสูตรที่เคยวาดฝัน
และเมื่อมีการประกาศรับช่างฝีมือเพื่อไปทำงานที่คูเวต ผมกับเพื่อนสนิทจึงได้เดินทางไปลองสมัครดู
ผมเองสมัครในตำแหน่งช่างไฟฟ้า และหลังจากพูดคุยและสัมภาษณ์เรียบร้อยบริษัทนายหน้าก็เสนอค่าตอบแทนให้เดือนละหนึ่งหมื่นบาท + อาหาร & ที่พัก พร้อมด้วยตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
สัญญาจ้างงานเป็นแบบปีต่อปีภายใต้โปรเจ็คที่ชื่อว่า fire fighting team support หรือเป็นทีมที่สนับสนุนทีมดับไฟบ่อน้ำมันนั่นเอง
ซึ่งทีมงานดับไฟ เทคโนโลยีรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการดับไฟบ่อน้ำมันในครั้งนี้นั้นส่วนใหญ่ก็ล้วนนำเข้ามาจากอเมริกา ประมาณได้ว่าอเมริการับกินเรียบ
ช่วงที่บ่อน้ำมันยังลุกติดไฟอยู่นั้น ทะเลทรายที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็จะถูกปกคลุมด้วยเขม่าไฟที่เกิดจากการเผาไหม้บ่อน้ำมัน ซึ่งทำให้ทะเลมีสภาพดูเหมือนถูกหิมะสีดำปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ดังรูป |
ตัวอย่าง สภาพแท๊งค์เก็บน้ำมันดิบที่พังยับเยินเพราะโดนระเบิดถล่ม |
สำหรับสัญญาจ้างงานเพจเก็จนี้เมื่อบวกลบคูณหารแล้วมันอาจจะทำให้ผมมีเงินเก็บมากกว่าทำงานอยู่เมืองไทยถึง 10 เท่าตัวโดยประมาณ ดังนั้นผมจึงตกลงและเซ็นต์สัญญาตอบรับการจ้างงานและออกเดินทางเข้าสู่มหาวิทยาลัยชีวิตกลางทะเลทรายเมื่อประมาณกลางเดือนกันยายน 1991 หรือ พ.ศ. 2534
ขาแข็งและแทบหมดแรงก้าวออกจากสนามบิน
วันเซ็นต์สัญญากับวันเดินทางจริงนั้นต้องบอกเลยว่าคนละอารมณ์ ..... วันที่มาสมัครและเซ็นต์สัญญานั้น เรามาด้วยหัวใจที่ฮึกเหิมและเต็มไปด้วยความหวัง
แต่พอถึงวันที่ต้องเดินทางจริงๆนั้นต้องยอมรับว่าใจหายวูบเลย....เกิดอาการกล้าๆกลัวๆและสับสนอย่างบอกไม่ถูก ประมาณว่าอีกด้านหนึ่งก็อยากมีที่ดินเล็กๆสัก 20 ตารางวาเป็นของตัวเองเพื่อให้แม่และน้องๆได้ปลูกกระท่อมอยู่แบบไม่ต้องไปอาศัยอยู่ในที่ดินของคนอื่นเขา แต่อีกด้านหนึ่งก็เกิดความกลัวอย่างบอกไม่ถูกเนื่องจากที่ผ่านมาข่าวร้ายเกี่ยวกับตะวันออกกลางนั้นมีมากเหลือเกินนั้นคือคนไทยจำนวนไม่น้อยถูกหลอกไปลอยแพ (ประมาณดังเพลงต่อไปนี้)
ณ วันนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินไปขึ้นเครื่องผมเองเดินก้าวขาแทบไม่ออกและแทบอยากหันหลังกลับ
แต่เมื่อนึกแม่และน้องๆที่รออยู่ รวมถึงคำของพ่อที่ได้ฝากความหวังไว้ก่อนจากไป ได้บอกว่าถ้าเอ็งได้ดีแล้วอย่าทิ้งแม่และะน้องๆนะลูก ก็ทำให้เกิดแรงฮึดและกัดฟันบอกตัวเองว่า "เอาว๊ะ เป็นไงเป็นกันตายเป็นตาย ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าอยู่แบบมองไม่เห็นอนาคต "
ช่วงแรกๆออกอาการซืม
เนื่องจากยังไม่มีประสบการณ์ก็เลยนึกภาพไม่ออกว่าสภาพงานที่จะต้องไปเจอนั้นจะเป็นอย่างไร ก่อนมาก็จินตนาการไปว่าลักษณะงานมันก็น่าจะคล้ายๆหรือใกล้เคียงกับงานช่างซ่อมบำรุงที่ทำอยู่ประจำในโรงงาน
เมื่อมาถึงทุกอย่างจึงกระจ่าง ... ลักษณะงานที่เจอทั้งหมดนั้นนั้นค่อนข้างแตกต่าง ลักษณะงานส่วนใหญจะเหมาะสำหรับช่างฝีมือมากกว่า .... กล่าวคือใช้เพียงทักษะ หรือ skill ที่เคยทำอยู่ประจำๆก็เป็นอะไรที่เพียงพอ ส่วนใหญ่เป็นการทำงานหน้าเดียว เช่น ดัดท่อเดินสายไฟก็ทำเฉพาะอย่างไป ถนัดเข้าหัวสายก็ทำไป ถนัดติดตั้งตู้ไฟก็ติดตั้งไป ไม่ต้องใช้ความรู้ทางด้านเทคนิคในการแก้ปัญหา
ความรู้ ปวส. ช่างไฟ ที่มีอยู่ต้องเก็บใส่กระเป๋าไว้ชั่วคราวและทำงานภายใต้การกำกับของโฟร์แมนที่ส่วนใหญ่เติบโตมาจากช่างผู้ทำนาน
นอกจากนั้นยังต้องทำงานอย่างอื่นนอกเหนือสโคปตามที่ตกลงในสัญญา .... เช่น งานเชื่อม งานช่างไม้ ทาสี รวมถึงงานใช้แรงงานอื่นๆเช่น เช่น ขนหิน ขนทราย มุงหลังคา ขุดหลุมฝังขยะเป็นต้น.... บ่อยครั้งถึงกับท้อและแทบหมดความอดทน และบ่อยครั้งที่ต้องนอนหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตา
@ ด้านหน้า work shop |
@ work shop ช่างไม้ ส่วนคนที่ยืนอยู่ด้านหลังคือโฟร์แมนช่างไม้ ซึ่งเป็นชาวอียิปต์ |
ใกล้ๆกับที่ทำงานจะเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ (ด้านหน้า ฮ. เป็นโรงพยาบาล ด้านหลังเป็น workshop) ซึ่งใช้สำหรับอำนวยความสะดวกและรับส่งผู้ป่วยหรือศพผู้เสียชีวิต ที่ตกเป็นเหยื่อของระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในภาคสนาม ... ตอนนั้นฝันอยากขึ้น ฮ. และเมื่อทุกๆครั้งที่เฮลิคอปเตอร์บินมาจอดหน้าเวิร์คช๊อปก็มักจะเข้าไปดูใกล้ๆและลูบๆคลำๆ...และก็ฝันกลางวันว่าสักวันหนึ่งคงได้มีโอกาสได้นั่งบ้าง. |
เพื่อนๆคนไทยที่ทำงานด้วยกัน ส่วนสิ่งที่กำลังอุ้มอยู่นั้นคือปลอกกระสุนปืนใหญ่ ซึ่งเอามาแต่งเติมให้เหมือนกระสุนจริงและถ่ายรูปเล่นๆกัน |
ขวามือคือ โฟร์แมนช่างไฟฟ้า ซึ่งเป็นชาวอียิปต์ |
ที่ คูเวต ซิตี้ (Kuwait City) |
ถ่ายรูปคู่กับคุณลุง ซึ่งเป็นคนท้องถิ่น |
No comments:
Post a Comment