วัดลัทธิเต๋า เผิงไหลเก๋อ 蓬莱阁
ดังที่เกริ่นไว้ในตอนแรก (ตอน เส้นทางสู่ประเทศจีน) ผมได้เดินทางมาจีนสองครั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ครั้งแรกตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2016 เนื่องจากเป็นช่วงตรุษจีน ซึ่งเกือบทั้งหมดจะหยุดการทำงาน ทีมที่บินมาช่วยจากสิงคโปร์ก็ต้องเดินทางกลับฐาน จากนั้นก็กลับมาอีกรอบช่วง 19 เมษายน ถึง 10 มิถุนายน 2016
จริงๆแล้วเผิงไหลเก๋อนี้ไกล้โรงแรมที่พักซึ่งหากกันแค่ประมาณ 3 กิโลเมตร ( นั่งแท็กซี่ 9 นาที) ซึ่งมองเห็นใกล้ๆ แต่ทว่าประเด็นหลักคือเดินทางมาทำงาน ออกแต่เช้ากลับมาก็เกือบมืดก็เลยไม่ได้ไปเที่ยวชมสักที จนกระทั่งถึงวันที่โปรเจ็คผ่านการทำ FAT แล้วจึงมีโอกาส
(FAT= Factory Acceptance Test => โปรเจ็คได้ผ่านการทดสอบฟังก์ชั่นเพื่อตรวจรับงานโดยลูกค้า ณ โรงงาน)
22 พค (MAY) 2016 หลังโปรเจ็คผ่าน FAT จึงได้หยุดครึ่งวัน และก็เป็นโอกาสที่จะได้ออกเที่ยวเผิงไหลเก๋อซึ่งเป็นสถานที่ท่องที่สำคัญของเมืองเผิงไหล ซึ่งก็ได้เก็บภาพภายในบางส่วนมาฝากกันดังนี้
หลังจากข้ามกำแพงเมืองมาก็จะเป็นโซนที่เป็นวัดและศาลเจ้าและวิหารเซียน
หมดจากโซนนี้ก็จะเป็นทางเท้าสำหรับท่านที่ต้องการไปดูทัศนียภาพและเรื่องราวต่างๆและทัศนียภาพบริเวณยอดเขา
นอกจากทางเท้าแล้วก็ยังมีกระเช้าไฟฟ้า(Cable cars) ไว้ให้บริการซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
บางท่านที่ขาแข้งไม่ค่อยดี หรือไม่อยากไปต่อที่บริเวณยอดเขา ก็สามารถเดินทางออกได้จากตรงนี้ ซึ่งก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกไว้ให้เชือกช๊อปมากมาย
ไฮไลท์ของบริเวณนี้ก็น่าจะเป็นบริเวณนี้ ซึ่งเป็นปฏิมากรรมหินแกะสลักเป็นมังกรสองตัว (Dragons sculpture) และมีลูกแก้วอยู่ระหว่างกลาง ซึ่งเป็นเขตแนวรอยต่อระหว่างทะเลโบไห่กับทะเลเหลือง (point of Bohai sea and Yellow Sea)
อีกจุดที่น่าสนใจก็คือบริเวณหน้าฝาด้านล่างซึ่งเป็นรูปโค้งติดกับชายทะเลและมีสะพานให้ได้เดินชมความสวยงามของบริเวณรอบๆดังรูป
จากนั้นก็สวมบทผู้บ่าวขาเลาะ เก็บตกสิ่งที่เหลืออยู่
หลังเสร็จภาระกิจผู้บ่าวขาเล๊าะ ก็เป็นอันว่าสมควรแก่เวลาและเดินทางออกมาร่วมวงดินเนอร์กับเพื่อนๆที่บริเวณใกล้ๆกัน ซึ่งได้นำภาพเก็บตกมาฝากกันในตอนต่อไป
ชมคลิป !
ห่างจากโรงแรม Sanxianshan Hotel ประมาณ 4 Km.
Cr: google.com |
นิยามของ Penglai Pavilion หรือเผิงไหลเก๋อ
Cr : https://www.facebook.com/pg/siamrajtravel/photos/?tab=album&album_id=1222403407791089
เผิงไหลเก๋อ เป็นวัดลัทธิเต๋า สร้างราว 1,500 ปี (ค.ศ. 1061) ในสมัยราชวงศ์ซ้อง ภายในวัดจะมีวิหารอยู่หลายแห่ง เช่น วิหารเจ้าแม่ทับทิม วิหารแปดเซียน วิหารพระพุทธเจ้า รวมถึงป้อมปราการที่สร้างไว้ป้องกันข้าศึกรุกรานทางทะเล เราจะพาไปชมภาพที่มาของตำนาน “แปดเซียนข้ามสมุทร ซึ่งอยู่ภายในหอแปดเซียน สร้างขึ้นในสมัยเป่ยซ่ง ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงได้ขยายบูรณะใหม่ ลักษณะเป็นแปดเหลี่ยม ภายในนอกจากแปดเซียนแล้วยังมีเทพเจ้าอื่นๆให้ท่านได้สักการะ พร้อมชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
ดังที่เกริ่นไว้ในตอนแรก (ตอน เส้นทางสู่ประเทศจีน) ผมได้เดินทางมาจีนสองครั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ครั้งแรกตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2016 เนื่องจากเป็นช่วงตรุษจีน ซึ่งเกือบทั้งหมดจะหยุดการทำงาน ทีมที่บินมาช่วยจากสิงคโปร์ก็ต้องเดินทางกลับฐาน จากนั้นก็กลับมาอีกรอบช่วง 19 เมษายน ถึง 10 มิถุนายน 2016
จริงๆแล้วเผิงไหลเก๋อนี้ไกล้โรงแรมที่พักซึ่งหากกันแค่ประมาณ 3 กิโลเมตร ( นั่งแท็กซี่ 9 นาที) ซึ่งมองเห็นใกล้ๆ แต่ทว่าประเด็นหลักคือเดินทางมาทำงาน ออกแต่เช้ากลับมาก็เกือบมืดก็เลยไม่ได้ไปเที่ยวชมสักที จนกระทั่งถึงวันที่โปรเจ็คผ่านการทำ FAT แล้วจึงมีโอกาส
(FAT= Factory Acceptance Test => โปรเจ็คได้ผ่านการทดสอบฟังก์ชั่นเพื่อตรวจรับงานโดยลูกค้า ณ โรงงาน)
22 พค (MAY) 2016 หลังโปรเจ็คผ่าน FAT จึงได้หยุดครึ่งวัน และก็เป็นโอกาสที่จะได้ออกเที่ยวเผิงไหลเก๋อซึ่งเป็นสถานที่ท่องที่สำคัญของเมืองเผิงไหล ซึ่งก็ได้เก็บภาพภายในบางส่วนมาฝากกันดังนี้
หน้าทางเข้า |
บริเวณปากทางเข้า ซึ่งจะต้องผ่านประตูกำแพงเมืองเข้าไป |
ถัดจากกำแพงเมืองเข้ามาก็จะมีแม่น้ำกั้นทำหน้าที่เป็นเสมือนกับคูเมือง |
มันสวยขนาดนี้จะไม่เซลฟี่เก็บไว้สักรูปมันก็กระไรอยู่ ซิมิๆ |
ร้านขายของที่ระลึกจุดแรกหลังข้ามสะพานมา |
หลังจากข้ามกำแพงเมืองมาก็จะเป็นโซนที่เป็นวัดและศาลเจ้าและวิหารเซียน
ซุ้มประตูปากทางเข้าโซนวัดและศาลเจ้าและวิหารเซียน |
ศาลเจ้าและเซียนหรือเทพเจ้า อะไรสักอย่าง |
ศาลเจ้าและเซียนต่างๆ |
นักท่องเที่ยวพร้อมไกด์ซึ่งกำลังบรรยายประวัติและเรื่องราวต่างๆ เราพยายามเนียนๆเข้าไปฟังเหมือนกันอยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทุกอย่างเป็นเสียงในฟิมล์ ก็เลยฟังไม่เข้าใจ |
นอกจากทางเท้าแล้วก็ยังมีกระเช้าไฟฟ้า(Cable cars) ไว้ให้บริการซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
บางท่านที่ขาแข้งไม่ค่อยดี หรือไม่อยากไปต่อที่บริเวณยอดเขา ก็สามารถเดินทางออกได้จากตรงนี้ ซึ่งก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกไว้ให้เชือกช๊อปมากมาย
ร้านขายของที่ระลึก |
บนยอดเขา ก็จะมีศาลเจ้าตั้งเด่นตระหง่านอยู่ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาของคนท้องถิ่น
ทางขึ้นเป็นบรรไดค่อนข้างสูงชัน กว่าจะไปขึ้นไปถึงก็เล่นเอาเหนื่อยโฮกเหมือนกัน |
ริบบิ้นผ้าสีแดง ซึ่งเป็นของมงคลอะไรสักอย่างซึ่งมีขายในศาลเจ้า ซื้อหรือร่วมทำบุญแล้วตั้งจิตก็อธิฐานจากนั้นก็เอาไปผูกไว้ที่บริเวณที่จัดให้ |
มีระฆังยักษ์ ซึ่งหากจะตีระฆังนี้ก็ต้องทำบุญตามกฏเกณฑ์ รายการนี้ฟังภาษาจีนไม่เข้าใจว่ากฏ กติกา มันเป็นอย่างไร ได้แค่ถ่ายรูปเป็นไว้ดูเล่น |
ไฮไลท์ของบริเวณนี้ก็น่าจะเป็นบริเวณนี้ ซึ่งเป็นปฏิมากรรมหินแกะสลักเป็นมังกรสองตัว (Dragons sculpture) และมีลูกแก้วอยู่ระหว่างกลาง ซึ่งเป็นเขตแนวรอยต่อระหว่างทะเลโบไห่กับทะเลเหลือง (point of Bohai sea and Yellow Sea)
Point of Bohai sea and Yellow Sea |
ขอหน่อยแล้วกัน ห้ามว่ากันนะ 556 |
แนวเขตระหว่างทะเลโบโห่ กับ ทะเลเหลือง พิกัดคร่าว ๆ |
ร้านขายของที่ระลึกที่อยู่บริเวณจุดนี้ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ทำจากหอยมุก ของติดไม้ติดมือก็คือสร้อยที่ทำจากหินสีเขียวมรกต อันที่แม่ค้ากำลังยื่นให้เลย |
ดูคล้ายเป็นหาดเล็กจิ๋ว ส่วนหินที่อยู่ด้านปลายแหลมนั้นเขาบอกว่าเป็นหินเทพหรือหินเซียนอะไรสักอย่าง |
โค้งเว้าได้รูปสวยงามมาก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเรือเร็ววิ่งจากข้างนอกเข้ามาที่จุดนี้ได้เลย |
มีสะพานทอดยาวให้เดิน |
ด้านหลัง (เสื้อแดงๆ) เป็นท่าเที่ยบเรือ ซื้อตั๋วกลับทางเรือได้ |
ไหนๆก็มาแล้ว พลาดได้ไง |
มีคนมานั่งตกปลา |
สาวๆ กำลังรอชมพระอาทิตย์กำลังตกดิน |
สิ่งที่คนตกปลาได้ บ้างก็เป็นปลาดาว |
ปลาดาวบางตัวสีสรรแปลกตาและดูสวยดี |
จากนั้นก็สวมบทผู้บ่าวขาเลาะ เก็บตกสิ่งที่เหลืออยู่
หลังเสร็จภาระกิจผู้บ่าวขาเล๊าะ ก็เป็นอันว่าสมควรแก่เวลาและเดินทางออกมาร่วมวงดินเนอร์กับเพื่อนๆที่บริเวณใกล้ๆกัน ซึ่งได้นำภาพเก็บตกมาฝากกันในตอนต่อไป
ชมคลิป !
ห่างจากโรงแรม Sanxianshan Hotel ประมาณ 4 Km.
No comments:
Post a Comment