เซ็กส์ในสิงคโปร์




สิงคโปร์ทันสมัยทุกด้าน นักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ถูกบังคับให้ใส่เครื่องแบบ ใส่สั้นเสมอหู สายเดี่ยว เกาะอกไปเรียนหนังสือกัน ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร อัตราการข่มขืนก็ต่ำมากๆ ต่ำกว่าประเทศพุทธแบบไทยๆ มหาวิทยาลัยสิงคโปร์ก็ติดอันดับโลกอาจารย์ทำงานหนัก และ นศ.เรียนหนักจริงๆ แต่สิงคโปร์ยังมีกฎหมายโบราณยุควิคตอเรียน หรือที่ตราขึ้นตั้งแต่เป็นอาณานิคมอังกฤษ ยังตกค้างมาถึงปัจจุบัน กฎหมายพวกนี้ย่อมไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ


 หนึ่งในนั้นคือ มาตรา 377A ที่การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย (เน้นว่า ชายกับชายเท่านั้น) มีโทษปรับหรือจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี 

มาตรา 377A ผูกโยงกับมาตราหลัก 377 ที่ระบุว่าผู้ใดก็ตามที่มีเพศสัมพันธ์ที่ “ขัดกับวิถีธรรมชาติ” กับชาย หญิง และสัตว์ ที่ไม่นำไปสู่การให้กำเนิด เป็นสิ่งผิดกฎหมาย อันนี้รวมถึงการทำออรัลเซ็กส์ และร่วมเพศทางทวารหนัก (sodomy) ด้วย ที่จริงมาตรา 377 ไม่ระบุเพศ เพราะใช้คำว่า “ใครก็ตาม” (whoever) แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่เคยมีการฟ้องร้องกรณีที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างหญิงกับหญิง 



 ในกรณีสิงคโปร์ (กฎหมายวิคตอเรียนนี้ปรากฏในอาณานิคมอื่นๆ ของอังกฤษด้วย) มีการตีความกฎหมายระบุว่าถ้าทำออรัลเซ็กส์เพื่อนำไปสู่การร่วมเพศแบบปกติ (มีการสอดใส่หลังทำออรัลเซ็กส์ หรือครบทุกกระบวนการ) ไม่เป็นไร ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าทำออรัลเซ็กส์อย่างเดียวถือว่าผิดธรรมชาติ เพราะไม่นำไปสู่การให้กำเนิด

 ประเด็นนี้เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อราวสิบปีที่แล้ว ตอนเกิดเหตุเราอยู่ที่สิงคโปร์พอดี ก็ประหลาดใจมาก คุยกับเพื่อนๆ ที่นั่นก็หัวเราะขำขันกันยกใหญ่ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีกฎหมายนี้อยู่ แม้แต่คนสิงคโปร์จำนวนมากก็ไม่รู้ คือ เขารู้ว่าการเป็นเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าออรัลเซ็กส์ผิดกฎหมายด้วย


มันเป็นเรื่องขึ้นมาเมื่อทางการจับได้ว่า ตำรวจนายหนึ่งแอบมีเซ็กส์กับเด็กวัยรุ่นอายุ 15 ปี ด้วยข้อหากระทำออรัลเซ็กส์ ตำรวจคนนี้ถูกจำคุกสองปี

 กรณีนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวาง คนสิงคโปร์เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายคร่ำครึนี้ ซึ่งในที่สุด ในปี 2007 (2550) รัฐสภาลงมติให้แก้ไขมาตรา 377 ให้เปลี่ยนเป็นการร่วมเพศกับศพเป็นสิ่งผิดกฎหมายแทน

แต่จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลยังไม่ยอมแก้มาตรา 377A แม้ว่าในทางปฏิบัติ รัฐบาลสิงคโปร์จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่เที่ยวคุกคามเกย์ มีบาร์เกย์โผล่ในสิงคโปร์มากขึ้น

เคยมีการจับชายกับชายที่แอบมีเซ็กส์ในห้องน้ำสาธารณะ แต่ตำรวจไม่ฟ้องข้อหาตามมาตรา 377 แต่ไปฟ้องข้อหามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในที่สาธารณะแทน ซึ่งมีโทษเบากว่า

แต่ตราบที่ยังมีมาตรานี้ ก็ทำให้ชาวเกย์ไม่สบายใจ เพราะไม่รู้ว่าในอนาคต อาจมีการงัดข้อหานี้มาเล่นงานพวกเขาเมื่อไรก็ได้ จึงมีคู่เกย์ร้องเรียนต่อศาลให้แก้ไขกฎหมายนี้ แต่ทั้งศาลสูง (High Court) และศาลฎีกา (Supreme Court) ก็ยกคำร้อง จึงทำให้มาตรา 377A ยังคงอยู่ต่อไป

ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรี เคยอธิบายว่าในทางปฏิบัติ ชาวเกย์ไม่ต้องกลัว เพราะรัฐจะไม่เข้าไปยุ่ง-คุกคามเกย์ แต่การแก้ไขกฎหมายเป็นอีกเรื่องนี้ เพราะคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่ยังอนุรักษ์นิยมอยู่ ครอบครัวเป็นหน่วยพื้นฐานที่สำคัญสำหรับสังคมสิงคโปร์ ซึ่งเหตุผลนี้ก็ไม่จริงเสียทีเดียว เพราะจากการสำรวจความเห็น ก็พบว่าคนสิงคโปร์ปัจจุบันยอมรับเสรีภาพและความหลากหลายทางเพศมากขึ้น สาวๆ สิงคโปร์จำนวนมากไม่แต่งงาน หรือแต่งงานแล้วเลือกไม่มีลูก เศรษฐกิจสิงคโปร์ในปัจจุบันอาศัยแรงงานฝีมือและไร้ฝีมือของคนต่างชาติ เป็นแรงขับเคลื่อนไม่น้อยไปกว่าแรงงานสิงคโปร์เอง

นักวิชาการสิงคโปร์คนหนึ่งอธิบายว่า จริงอยู่ว่าในทางปฏิบัติไม่มีการจับกุมฟ้องร้อง แต่การดำรงอยู่ของมาตรา 377A ก็ชี้ว่ารัฐยังต้องการควบคุมพฤติกรรมการแสดงออกของชายรักชายไม่ให้เปิดเผยเกินไป เสรีเกินไป พูดง่ายๆ คือ จะทำอะไร ก็เกรงใจกันบ้าง




หมายเหตุ ว่าด้วยมาเลเซีย


ข้อความประชดรัฐบาลช่วงที่เที่ยวบิน
MH 370  ของมาเลหายสาบสูญแบบไร้ร่องรอย
" ประมาณว่า เครื่องบินลำเบ็อเร่อ ค้นหาไม่เจอ
แต่ เสปิร์ม ในตัวอันวาร์เล็กมากแต่เจ้าหน้าที
ดันค้นหาเจอ "

มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่การทำออรัลเซ็กส์และร่วมเพศทางทวารหนักผิดกฎหมาย ข้อหานี้รัฐบาลนำมาใช้เล่นงานผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญ นายอันวาร์ อิบราฮิม ถึงสามครั้ง

ครั้งแรกในปี1998 อันวาร์ถูกฟ้องร่วมกับข้อหาคอรับชั่น ต่อมาในปี 2000 เฉพาะข้อหาร่วมเพศทางทวารหนัก ศาลลงโทษจำคุก 9 ปี ต่อมาในปี 2004 ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องข้อหานี้

ครั้งที่สอง ปี 2008 ถูกฟ้องด้วยข้อหานี้อีก ศาลยกฟ้องในปี 2012 ครั้งที่สาม อัยการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น และเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เองศาลสหพันธรัฐมีคำสั่งจำคุกอันวาร์ 5 ปี (อัยการเรียกร้องให้ลงโทษหนักกว่านี้ คือ 20 ปี!)

คงยากที่จะมีการแก้ไขกฎหมายนี้ ส่วนหนึ่งเพราะการฉวยใช้ประโยชน์จากกฎหมายนี้โดยรัฐบาลเอง ทำให้ช่วงที่ผ่านมา รัฐทำหน้าที่ตอกย้ำเรื่องศีลธรรมทางเพศอย่างหนัก ส่วนหนึ่งเพราะกระแสอิสลามานุวัตน์ (Islamization) ที่เข้มข้นในมาเลเซียในช่วงสามทศวรรรษที่ผ่านมา

‪#‎อนุรักษ์นิยมคืออัตลักษณ์ร่วมของอาเซียน‬ ดีใจจัง เจอ Common identity ของอาเซียนแล้ว




ปล. ถือว่าการเสียชีวิตของลี กวน ยู เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทำความรู้จักเพื่อนบ้านมากขึ้นนะคะ ซึ่งสิงคโปร์น่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่คนไทยเคยไปเยี่ยมเยียนมากที่สุด (ถามนิสิตหลายรุ่นที่เรียนกับเรา ส่วนใหญ่เคยไปยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นมาแล้วทั้งนั้น น้อยคนมากๆ ที่จะเคยไปหรือสนใจจะไปลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาร์ ‪#‎นี่คือวิถีอาเซียนสินะ‬)



CR: พวงทอง ภวัครพันธุ์   Tue, 2015-03-24
นสพ. http://www.prachatai.org

No comments:

Post a Comment