แบกเป้เที่ยวพม่าวันที่2..ตอนแอ่วเมืองมัณฑะเลย์

แบกเป้เที่ยวพม่าวันที่2...ตอน แอ่วมัณฑะเลย์



Mandalay Hill : ภาพประกอบจากกูเกิ้ล

ดังที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นของตอนแรกแล้วว่าเมืองมัณฑะเลย์นี้จริงๆแล้วคือเมืองแรกที่จะเดินทางมา  แต่ทว่ามีเวลาเหลืออีก 7-8 ชั่วโมงเพื่อรอรถบัสที่จะเดินทางมามัณฑะเลย์  พี่เสือก็เลยแอบแวะไปเที่ยวเมืองหงสาวดีหรือพะโคก่อนที่จะเดินทางต่อมาที่เมืองนี้ (ลิงค์ตอนที่ 1 - แวะเที่ยวหงสาวดี (พะโค)



21.00 น. โดยประมาณ รสบัสโดยสารเริ่มล้อหมุนและมุ่งหน้าสู่เมืองมัณฑะเลย์ โดยมีการจอดพักรถหนึ่งจุดเพื่อให้ผู้โดยสารจัดการกับภาระกิจส่วนตัว(เข้าห้องน้ำและรับประทานอาหาร) จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าต่อไปและมาถึงสถานีขนส่งที่มัณฑะเลย์ตอนเช้าตรู่ของวันใหม (ประมานตีห้าครึ่ง) 

สถานีขนส่งที่นี่จะแย่กว่าบ้านเรามากและมีสิ่งหนึ่งที่คล้ายๆกันคือ  ตรงหน้าบันไดทางลงรถจะมีผู้หวังดีมาลุมล้อมเต็มไปหมด มีทั้งแท๊กซี่ รถรับจ้าง มอไชต์ ไกด์ท่องเที่ยวและอื่นๆ 



ทริปนี้พี่เสือเดินทางสไตล์แบกเป้  เดินทางมาพร้อมกับแพลนหลวมๆและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาและใช้แนวทางที่ว่าทางอยู่ที่ปาก   

หลังลงจากรถได้ก็และพยายามทำหูทวนลมและเดินจากไปแบบไม่ให้ความสนใจกับเสียงเรียกและเสียงทักทายใดๆ  แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังประกบติดและไม่ยอมให้คาดสายตา  ซึ่งเรารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการก็เลยเนียนๆไปว่า "เราเพิ่งมาถึง ตอนนี้อยากอาบน้ำแปรงฟันหาอะไรหม่ำแถวๆนี้ก่อน(ใช้ภาษามือประกอบ) เรายังไม่มีข้อมูลว่าจะไปไหน"

ก็เป็นอันว่าได้ผล เหล่าผู้เดินตามยอมถอยหมดยกเว้นเพียงหนุ่มน้อยหน้ามนคนหัวล้านอยู่รายเดียวที่ไม่ยอมถอยพร้อมทั้งอาสาพาไปหาห้องอาบน้ำให้

หลังทอดจากอารมณ์อาบน้ำเรียกความสดชื่นอยู่ในห้องน้ำในสถานีได้สักพักก็เป็นอันว่าเสร็จกิจและคิดว่าคงจะไม่มีใครมากวนอีกแล้ว

เก็บตกจากสถานีขนส่ง  ซ้าย บ้าแต่ไม่โง่   ขวา แม่ค้าขายของขบเคี้ยว


อุ๊ต๊ะ...เมื่อออกจากห้องน้ำมาปรากฏหนุ่มน้อยหน้ามนยังไม่ไปไหน ยังคงยืนรออยู่หน้าห้องน้ำที่เดิม พร้อมทั้งถามว่าจะไปไหนต่อ?  

ดูท่าทางแล้วน่าจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ก็เลยบอกไปว่าอยากได้หากาแฟดีๆสักแก้ว ก่อนจะเริ่มต้นทัวร์เมืองและเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของที่นี่

หลังได้ยินคำว่าทัวร์เท่านั้น รอยยิ้มเปื้อนน้ำหมากก็เปิดเผยออกมาจากปากของหนุ่มน้ามนคนหัวใส(มันคงคิดในใจว่า "เข้าทางปืน") พร้อมทั้งงัดแผนที่ท่องออกมาโชว์รวมถึงจัดโปรแกรมให้เรียบร้อย

ข้อเสนอของพี่แกก็คือให้บริการแท๊กซี่พร้อมคนขับ  พาชมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆของเมืองหรืออื่นๆที่อยากจะไปตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงหนึ่งทุ่มโดยประมาณ โดยคิดค่าบริการ 40,000 จ๊าด หรือประมาณ 1,200 บาท

ทั้งรถและคนขับ 1,200 บาทอยากไปไหนก็ไปได้ เที่ยวก่อนจ่ายเงินทีหลัง  ฟังดูแล้วสมเหตุสมผล พี่เสือก็เลยจัดไป  พร้อมทั้งไปทำการจองตั๋วสำหรับเดินทางไปพุกามช่วงเวลาเย็นๆของวันนี้ก่อนออกไปศึกษาเมืองมัณฑะเลย์


เส้นทางทัวร์นั้นส่วนใหญ่ออกมาแนวเดียวกันกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ โดยเริ่มจากโซนที่อยู่ตอนเหนือก่อนแล้วค่อยไล่เรียงลงมาทางตอนใต้ของเมืองเพื่อพามารอดูพระอาทิตย์ตกดินที่สะพานอูบิน

Mandalay Hill  ( 8:10 am.)

มัณฑะเลย์ฮิลล์ คือจุดแรกที่คนขับรถพาพี่เสือมาสูดโอโซนและอากาศที่เย็นฉ่ำสดชื่นและปะทะสายหมอกในยามเช้ารวมถึงชมทิวทัศและทัศนียภาพของเมืองมัณฑะเลย์ในมุมสูง รวมถึงไหว้พระและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต

มัณฑะเลย์ฮิลล์เป็นเนินเขาสูง 240 เมตร ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง  ทางขึ้นเป็นบรรไดเลื่อนและลิฟท์สำหรับคนแก่เฒ่าและคนพิการ  ไม่เก็บค่าเข้าชมแต่จะให้บริจาคแล้วแต่ศรัทธา   ด้านบนยอดเขาจะมีเจดีย์ Su Taung Pyei ซึ่งเป็นที่แสวงบุญของชาวพม่า ซึงต้องแต่งตัวสุภาพ  ส่วนบริเวณด้านล่างก็จะมีร้านของบูชาและของที่ระลึก อาหารเครื่องดื่มและอื่นๆ
เจดีย์ Su Taung Pyei ที่ตั้งตะหง่านอยู่บนยอดเขา บรรยากาศยามเช้าจะมีหมอกปกคลุมซึ่งสามารถสัมผัสจับต้องได้เลยที่เดียว

ศิลปะและลวดลายบริเวณเจดีย์ที่อยู่บนยอดเนินเขา
สรงน้ำพระประจำวันเกิด



บริเวณทางลง ซึ่งเป็นร้านขายอาหารเครื่องดื่มและของที่ระลึกต่างๆ


หลังใช้เวลาอยู่บนยอดเขาประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ ก็สมควรแก่เวลาและเดินทางต่อไปยังวัดที่อยู่ใกล้ๆกับเชิงเขา ( วัดนี้จำชื่อไม่ได้)

หลังจากเยี่ยมชมมัณฑะเลย์ฮิลล์และวัดที่อยู่เนินเขาซึ่งเป็นทางผ่านแล้วระบบย่อยก็เริ่มทำงาน ...ท้องเริ่มส่งเสียง ซึ่งก็เป็นอะไรที่สมควรแก่เวลาที่ต้องหาอะไรหม่ำ

ปกติเวลาเดินทางไปไหนพี่เสือจะไม่นิยมกินอาหารไทยในต่างแดน จะชอบค้นหาอะไรแปลกไหม่ชิมหรือลิ้มลอง แต่สำหรับที่นี่ต้องบอกว่ายอมยกธงและคิดถึงอาหารไทย  และแจ้งความประสงค์กับคนขับไปว่ารบกวนช่วยหาร้านที่ขายอาหารไทยให้หน่อย

จากนั้นคนขับรถก็ได้พามาที่ร้านอาหารไทยซึ่งตั้งอยู่หน้าพระราชวังมัณฑะเลย์...เมื่อเห็นเมนูเราก็ดีใจ แต่ทว่าดีใจได้แค่แป๊ปเดียว เนื่องจากพนักงานของร้านแจ้งว่า "ร้านยังไม่เปิดค่ะ"... กรำ !

เมื่อร้านไทยยังไม่เปิดก็เลยบอกคนขับว่าขอเป็นอาหารจีนก็ได้ซึ่งคนขับก็จัดให้ที่ขอ ... แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินทางไปก็เผอิญแอบไปเห็นสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนท้องถิ่นเข้าใช้บริการกันค่อนข้างหนาแน่น  และด้วยความอยากรู้ว่าเขาทำอะไรกันก็เลยบอกคนขับให้จอดแวะดู

เดินดูวนไปวนมาอยู่สองสามรอบ ก็สรุปว่าเอาได้ (ภาษาระยอง) ก็เลยตัดสินใจฝากท้องมื้อนี้ไว้ที่นี่
ลักษณะคล้ายศูนย์อาหารมีหลายอย่างให้เลือก ...อาหารท้องถิ่น พม่าผสมอินเดีย  พม่าผสมจีน และอื่นๆ   ตั้งอยู่ใกล้ๆกับร้านอาหารไทยและห่างจากพระราชวังประมาณ 500-700 เมตรเท่านั้น


ข้อมูลและเมนูเป็นภาษาพม่าทั้งหมดอ่านไม่เข้าใจ   แถมคุยกันก็ไม่รู้เรื่อง 556
ต้องใช้วิธีแอบมองว่าที่เขาสั่งมานั้นว่าเมนูไหนดูน่าสนใจและก็ใช้วิธีชี้ให้คนรับออเดอร์ดู


Mandalay Palace ( 11.45 am)
  หลังจากหม่ำ Branch (breakfast and lunch) เรียบร้อยแล้วก็เดินทางต่อไปเที่ยวชม พระราชวังมัณฑะเลย์ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ

  "พระราชวังไม้สักที่เคยขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในเอเชีย แต่พระราชวังเดิมนั้นถูกไฟเผาไหม้จนเหลือแต่ฐานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวพระราชวังในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนพื้นที่เดิม โดยได้มีการสร้างให้เหมือนของเดิมมากที่สุด และมีการจำลองรูปปั้นของกษัตริย์พม่าและพระมเหสีในอดีตในเครื่องทรงกษัตริย์ แต่ทั้งนี้ก็ยังเป็นที่ติติงกันว่าพระราชวังจำลองที่สร้างขึ้นมาแทนที่ของเดิมนั้นขาดรายละเอียดทางศิลปะพม่าดั้งเดิมมากมาย แม้จะมีความใหญ่โตโอ่อ่าไม่แพ้ของเดิม แต่ด้อยในเรื่องความวิจิตรงดงามแบบพระราชวังเดิมในอดีต " Cr: www.skyscanner.co.th  
ภาพประกอบจากกูเกิ่ล   เป็นภาพที่ถ่ายจากด้านนอกรอบๆคูเมือง

ภาพพาโนราม่า ของบริเวณพระราชวังมัณฑะเลย์




ภายในมีการจัดแสดงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพระที่นั่งของพระมหากษัตริย์  ห้องประชุม ห้องพระมเหสี ห้องแสดงวาวุธเครื่องแต่งกาย และอื่นๆ


คู่รักหนุ่มสาว

ช่วงที่เข้ามาในพระราชวังนั้นเป็นเวลาช่วงเที่ยงถึงบ่ายสองโมง  ถึงแม้จะเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังแรงแต่ทว่าบรรยากาศภายในศาลาแต่หลังนั้นไม่ร้อนมากอย่างที่คิด
และบ่ายของวันนี้คือวันพี่เสือได้มีโอกาสสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต นั่นคือได้มีโอกาสมานอนหลับในพระราชวังที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต 556
มองจากหอคอยมุมสูง   และด้านซ้ายมือสุดคือศาลาที่พี่เสือได้เขาไปนอนตากลมและเคลิ้มหลับไปครึ่งชั่วโมง
ทิ้งท้ายหลังออกจากวัง ก่อนเดินทางยังจุดถัดไป



Sandamuni Pagoda ( 02.30pm)
จากพระราชวังมัณฑะเลย์ก็เดินทางต่อมาที่ Sandamuni Pagoda ซึ่งเป็นเจดีย์สีทองอร่ามสวยงามและรายล้อมด้วยเจดีย์สีขาวมากมายอยู่ติดๆ



Kuthodaw Temple ( 02.50 pm)
 จาก Sandamuni Pagoda ก็เดินทางต่อมาที่วัดกุโสดอว์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันและห่างกันเพียง 400-500 เมตร  ที่ Sandamuni  เจดีย์จะเป็นทรงกลมแต่ที่ Kuthodaw Pagoda ลักษณะจะเป็นจดียสีขาวทรงเหลี่ย

   วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 ในสมัยพระเจ้ามินดง มีส่วนของเจดีย์ทองคำ “พระเจดีย์มหาโลกมารชิน” สูง 30 เมตร ที่ได้จำลองแบบมาจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวซีโกน (Shwezigon Pagoda) แห่งเมืองพุกาม และบริเวณรอบวัดยังมีสถูปสีขาวเรียงรายมากมาย เป็นวัดที่มีการจารึกพระไตรปิฎกไว้บนหินอ่อนถึง 729 แผ่น จำนวนร่วม 84000 พระธรรมขันธ์ และยังถือว่าเป็นที่เก็บยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย
Cr: www.skyscanner.co.th  
เจดีย์ซึ่งเป็นที่เก็บเป็นที่เก็บจารึกพระไตรปิฏก

แผ่นจารึกพระไตรปิฏก ที่อยู่ภายในเจดีย์ (ภาษาพม่า)
Atumashi Kyaung &  Shwenandaw Monastery  ( 02.50 pm)

อาตุมาชิ กับ พระตำหนักไม้สักชเวนาดอร์ หรือ วัดชเวนันดอร์  สองแห่งนี้อยู่ใกล้หรือเรียกได้รั่วกำแพงชนกัน


อาตุมาชิเป็นวัดที่มีรูปทรงที่สวยงามแปลกตา  หลังคาทรงสูง ใช้วัสดุหินอ่อนและเปิดช่องให้ลมพัดผ่าน  ข้างในไม่มีอะไรแต่ร่มรื่นเย็นสบาย


พระตำหนักไม้สักชเวนาดอร์ หรือ วัดชเวนันดอร์

กล่าวกันว่าแต่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังมัณฑะเลย์ สร้างขึ้นในของสมัยพระเจ้ามินดงด้วยไม้สักทองชั้นดี แกะสลักศิลปะช่างมัณฑะเลย์แบบเก่าที่มีเอกลักษณ์หลังคาทรงปราสาท 5 ชั้น พร้อมปิดทองสุกสว่างทั้งหลังจนได้ชื่อว่า Golden Palace Monarchy  แต่ต่อมาได้ถูกยกให้เป็นสำนักสงฆ์ แม้ว่าสีเหลืองอร่ามของทองคำจะจืดจางลงไปตามกาลเวลา แต่ภายในตัววัดด้านในก็ยังปรากฏสีทองสุกสว่างให้ได้ชม นอกจากนั้นวัดแห่งนี้ยังถือเป็นพระราชวังเก่าของพม่าที่มีลักษณะสมบูรณ์สวยงามที่สุดอีกด้วย  Cr: www.skyscanner.co.th  

ซ้าย: ภายในวัด  ขวา: ด้านนอกของวัด

ภาพด้านหน้าของวัด


แม่ค้าขายของที่ระลึกกำลังบรรจงเพ้นหน้าให้ใครบางคน

เพ้นหน้าด้วยแป้งธนาคา   เพ้นฟรีแล้วแต่จะให้  โดยทั่วไปแม่ค้าขายของที่ระลึกจะเพ้นให้แล้วขอให้ช่วยซื้อของที่ระลึก
ร้านขายของที่ระลึกบริเวณทางเข้าวัด


Maha Myat Muni Paya ( 03.45 pm)
  จากเสร็จการเที่ยวชมบริเวณโซนตอนเหนือแล้ว คนขับรถก็พามาที่ วัดพระมหามัยมุนี  ซึ่งเป็นวัดยอดนิยมของคนไทยที่ตั้งอยู่โซนตอนใต้  

ภายในประดิษฐานพระมหามัยมุนี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของประเทศพม่า สร้างขึ้นด้วยทองคำขนาดใหญ่สูง 7 ฟุต 4 นิ้ว สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 689 ชาวพม่าเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีชีวิตจริงจึงได้มีพิธีล้างพระพักตร์ทุกวันเวลา 03.45 น. โดยน้ำทานาคาที่ใช้ล้างพระพักตร์นั้นจะทำการแจกจ่ายให้ผู้ที่เข้าร่วมพิธีในแต่ละวันนำกลับไปบูชาที่บ้านด้วย

วัดมหามัยมุนี


ไกด์ท้องถิ่นกำลังอธิบายเรื่องราวต่างๆบริเวณรอบๆวัด

พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนหลังไหลมาขอพร

บริเวณร้านค้าขายของที่ระลึก

 เราใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 40 นาที  จากต้องเดินทางไปให้ถึงสะพานไม้อุเบ็งก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ซึ่งสะพานนี้อยู่ค่อนข้างไกลจากวัดมหามัยมุนีแห่งนี้






 U Bein Bridge  ( 05.40 pm)
   ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วจากวัดมหามัยมุนีก็เดินทางมาถึง สะพานไม้สักอูเบ็ง ซึ่งนับว่าโชคดีที่มาทันช่วงเวลาที่สำคัญซึ่งใกล้กับเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน
สะพานอูเบ็งนี้ตั้งอยู่ริมเขามัณฑะเลย์ ใกล้กับเขตหมู่บ้านมิงกุน เป็นสะพานไม้เก่าแก่ที่สร้างจากไม้สักชั้นดีที่รื้อถอนมาจากพระราชวังเก่ามีความยาว 2 กิโลเมตร สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปดุงและยังสามารถใช้การได้จนถึงปัจจุบันและยังเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย
ถ่ายจากบริเวณลาดจอดรถ

เรือแจวที่จอดรอให้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการออกไปสัมผัสสายน้ำแบบถึงเนื้อถึงตัว

ภาพพาโนราม่าซึ่งมองเห็นทั้งสะพาน

อะไรก็ไม่รู้แต่พี่เสือเรียกมันว่าทอดมันกุ้ง

บนสะพานก่อนช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดิน ผู้คนค่อนข้างหนาแน่น

บรรยากาศบนสะพาน

โป้งยี่ หรือ พระท่านก็มา

ภาพพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน 

บ่าวสาว เช่าเรือออกไปถ่าย พรีเวดดิ้ง

สาวน้อยวัยสดใส เซลฟี่รูปหมู่



หลังดวงอาทิตย์ลับฟ้าได้ไม่นาน  กิจกรรมสำคัญของที่นี่ก็ลดลงตามลำดับ  นักท่องเที่ยวก็เริ่มทยอยเดินทางกลับ ซึ่งก็รวมถึงตัวพี่เสือด้วย

จริงๆแล้วเรายังเหลือสถานที่อีกแห่งคือ Maha Gandayon Monastery หรือ มหากันดายงค์  ซึ่งตามโปรแกรมแล้วจะต้องเดินทางไปก่อนมาที่สะพานอูเบ็ง เพราะอยู่ใกล้กัน แต่เวลาไม่พอเนื่องจากไปใช้เวลาอยู่ในมหาราชวังมากไปหน่อย (ดันเผลอหลับไปเกือบครึ่งชั่วโมง)
วัดมหากันดายงค์ เป็นวิทยาลัยสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า มีพระสงฆ์และสามเณรจำศีลอยู่กว่า 1000 รูป ตั้งอยู่ชานเมืองมัณฑะเลย์และไม่ไกลจากสะพานไม้อูเบ็งและโรงงานทอผ้ามัณฑะเลย์ที่ขึ้นชื่อว่ามีผ้าทอชั้นดี

นอกจากนั้นยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ผู้คนนิยมไปเที่ยว ชมนอกเหลือจากแลนด์ที่สำคัญตามโปรแกรมที่ผ่านมา    เช่นแม่น้ำอิระวดี (Irrawaddy River or Ayeyarwady River)  เจดีย์มิงกุน (Mingun Pahtodawgyi)  ระฆังมิงกุน (Mingun Bell) เจดีย์ชินพิวมินหรือเมียะเต็งดาน (Hsinbyume Pagoda) วัดกโยกตอคยี (Kyauktawgyi)  ซากวัดโบราณวัดอตุมาชิ (Atumashi)  ตลาดดอกไม้  เมืองอมรปุระ (Bagaya Kyaung) และอื่นๆ

เนื่องจากก่อนหน้านั้นพี่เสือตั้งใจว่าจะไปพิชิตยอดภูกระดึง แต่ก็ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงกระทันหัน และก็แพลนไว้แค่วันเดียวสำหรับเมืองนี้และจะไปพุกามในวันถัดไป


และเมื่อตะวันตกดิน ก็เป็นอันว่าสิ้นสุดโปรแกรมและเดินทางกลับไปยังสถานีขนส่งที่เดิมพร้อมทั้งจ่ายตังค์ตามสัญญา 40.000 จ๊าด

เมื่อถึงสถานีขนส่งแล้วก็จัดการอาบน้ำอาบท่าและหาอะไรหม่ำ ซึ่งเป็นร้านอาหารขนาดย่อมๆบริเวณรอบๆสถานี (ซึ่งเมนูแต่ละอย่างก็ประมาณ 5000-8000 จ๊าด หรือ 150 -240 บาท )  จากนั้นก็รอเวลาแบกเป้เดินทางต่อไปพุกาม


thanks ที่ติดตาม  แล้วพบกันใหม่ในตอนที่ 3 ....  แบกเป้เที่ยวพุกาม

*** รูปทั้งหมดถ่ายด้วยกล้องจากมือถือ  ดังนั้นต้องขออภัยสำหรับความสวยและความชัดเจนที่ไม่สมบูรณ์และบกพร่องด้วยความสุจริต !!



คลิปที่เกี่ยวข้อง





No comments:

Post a Comment