เที่ยวปีนังตอนที่ 1 วันแรกที่ปีนังฮิล (Penag Hill)
ต้นเดือน พ.ค. 2015 ( 2558) ได้เห็นแคมเปญโฆษณาบนหนังสือสายการบินเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเทศกาลและเทศกาลทุเรียนที่ปีนัง กอรปปีนังเป็นสถานที่ที่เคยตั้งที่ไว้ หากเงินและเวลาเหมาะสมเมื่อไหร่ก็จะแวะไปสักครั้ง
กลางเดือนมีแพลนที่จะกลับบ้าน กทม พอดี ก็เลยถือโอกาสไปแวะปีนัง + ล่องใต้ สักสองสามวันก่อนเดินทางเข้า กทม
การเดินทางเที่ยวนี้ใช้บริการของ tigerair บินออกจากสิงคโปร์ 09.00 น และบินมาถึงเกาะปีนังเวลา 10.20 น
|
ถึงเกาะปีนัง เครื่องกำลังจะร่อนลงจอด |
จากนั้นก็ใช้บริการรถบัสที่สนามบินเดินทางต่อไปยังกลางใจเมืองปีนัง หรือเมือง
จอร์จทาวน์ ที่ต่างชาติรู้จักและคุ้นเคย
|
รถบัสที่วิ่งจากสนามบินเข้าตัวเมืองปีนัง ออกทุกๆครึ่งชั่วโมง เที่ยวนี้ออกเดินทาง 11.00 น. ค่าโดยสารหากจำไม่ผิดก็ตกอยู่ประมาณ 6 ริงกิต หรือ 5X บาท ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาที |
_2.50 น. เดินทางมาถึงบัสเทอร์มินอลกลางใจเมืองปีนัง .... จากนั้นก็งงอยู่พักว่าจะไปไหนต่อ? ย่านที่พักอยู่แถวไหน? แหล่งท่องเที่ยวอยู่แถบไหนนี่? หลังจากงงอยู่สักพักก็เลยตัดสินใจนั่งกินข้าวแกงที่ข้างสถานีฯและสังเกตุความเคลื่อนไหวของผู้คน เพื่อเป็นการฆ่าความงง
หลังจากสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย สมองและปากก็เริ่มทำงาน ...... งง ไม่รู้ ก็ถามซิครับ รออะไร?
โชคดีที่คนที่ปีนังส่วนใหญ่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ ก็เลยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ซึ่งใช้เวลาไม่นานข้อมูลแหล่งที่พัก & ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวก็หลังไหลเข้ามา
เราได้ที่พักซึ่งเป็นเกสท์เฮ้าท์อยู่ต้นซอยของถนนที่เป็นแหล่งกินแหล่งเที่ยวยามค่ำคืน ( 35 ริงกิต) พร้อมทั้งรถมอไชต์เช่าอีก 30 ริงกิต/ วัน
*** อัตราแลกเปลี่ยน ณ ตอนนั้น 1 ริงกิต ประมาณ 9.xx บาท หรือคิดง่ายๆก็ 10 บาท
หลังอาบน้ำอาบท่าเก็บของในห้องเรียบร้อย
ก็ออกมาเติมความขมเรียกความสดชื่นด้วยกาแฟเข้มๆหนึ่งแก้ว
ก่อนออกเดินทางไปปีนังฮิลล์ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของปีนัง
ที่ปีนังฮิลล์หรือเนินขาปีนังนี้ จะมีรถรางให้บริการวิ่งขึ้นไปชมทัศนียภาพบนยอดเขาราคาสำหรับคนมาเลฯก็ 10 ริงกิต ถ้าเป็นต่างชาติก็ 30 ริงกิต กรณีต่อคิวปกติ แต่ถ้าเป็น fast land ก็ 60 ริงกิต
เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาก็จะมองเห็นทัศนียภาพเมืองปีนังได้อย่างชัดเจน
|
ภาพมุมกว้าง |
|
กล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญ |
จากจุดชมวิวเดินมาอีกนิดก็จะเจอป้ายบอกทางต่างๆ
|
น่าจะเป็นรถรางขึ้นเขารุ่นแรกสมัยที่อยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ ทำด้วยไม้ |
|
Love Lock แหล่งดึงดูดผู้คนที่สำคัญที่อยู่บนความสูง 823 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล |
|
สัญญาใจของคู่รักหนุ่มสาว ที่มาเยือน |
|
น่าจะเป็นรักเหนือรัก รักมันคงระดับสูงสุด |
|
สัญลักษณ์ หม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งมีอยู่จำนวนมากบนเนินเขาแห่งนี้ |
|
มีทั้งมัสยิดและวัดฮินดู รูปนี้เป็นวัดฮินดู |
|
นิยามของปีนังฮิล ประมาณว่า ถ้ายังไม่ได้มาที่ ปีนังฮิล ก็เท่ากับว่ามาไม่ถึงปีนัง |
|
มีรถกอล์ฟ พาเที่ยวชมวนรอบเขา ราคาเหมา 60 ริงกิตต่อหนึ่งรอบประมาณ 30 นาที คันนี้เราแชร์กันไปด้วยกันกับคนมาเลฯเชื้อสายจีนรวมทั้งหดม 4 คน คนละ 15 ริงกิต |
|
จุดภายรูปรอบๆเขา |
|
วัตถุบอกเรื่องราวในอดีต |
|
เจ้าถิ่น |
มาถึงเนินเขา 15.40 น. และกลับลงเขาไปก่อนที่จะเขาปิดเวลา 17.50 น.
|
ทางรถไฟขึ้นเขา |
หลังจากลงจากปีนังฮิลแล้ว ก็ขีรถเที่ยวชมวัดต่างๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน
ไหนๆก็มาแล้วและเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว
จากนั้นก็เลยตัดสินขับมอไชต์เดินทางต่อไปยังสะพานข้ามแม่น้ำที่เชื่อมต่อระหว่างเกาะปีนังกับเมนแลนด์หรือพื้นที่แผ่นดินใหญ่ของมาเลเซีย
|
ระหว่างทางเจอต้นไม่แปลกๆไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไร ดอกเล็กสีเหลืองๆซึ่งกำลังตกลงสู่พื่น และทำให้พื้นดินเหมือนถูกปูพรหมด้วยสีเหลือง |
|
พื้นถูกปูพรหมด้วยดอกไม้สีเหลือง สวยดีเลยเก็บภาพมาฝากกัน |
|
สะพานเชื่อมต่อระหว่างเมนแลนด์กับเกาะปีนัง |
|
ข้ามฝั่งมาสุดปลายทาง สิ่งที่เห็นคือบริเวณนี้เป็นจุดจอดรถตู้โดยสารประจำทาง ....รับส่งผู้โดยสารที่เข้ามาทำงานบนเกาะแบบไปเช้าเย็นกลับ รถรับส่งภายในเกาะส่วนใหญ่จะมาเริ่มต้นและสิ้นสุดระยะรับส่งที่นี่ |
|
สายัญห์ซอกแซกวนเวียนเข้าไปดูในหมู่บ้านใกล้เคียงอยู่สักพักซึ่งดูแล้วช่างเงียบเหงาไม่มีอะไร จากนั้นก็เลยหันหัวกลับเข้าเกาะปีนัง |
กลับมาถึงที่พักประมาณสองทุ่ม
และหลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ออกไปหาอะไหรหม่ำบนถนนที่เป็นแหล่งของกินของคนปีนังและบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือน
สิงคโปร์อดีตเมื่อห้าสิบสองปีก่อนเคยเป็นส่วนของมาเลเซีย
ดังนั้นวัฒนธรรมหลายๆอย่างก็มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมากโดยเฉพาะวัฒธการกินอยู่ของคนทั้งสามเชื้อชาติ
( จีน มาเลฯ และ อินเดีย)
และช่วงวันเวลาที่มาปีนังนั้น
ผมเองก็ผ่านการใช้ชีวิตทำงานกินอยู่หลับนอนอยู่สิงคโปร์มากว่า 8 ปี
และค่อนข้างคุ้นเคยอยู่กับเมนูของสิงคโปร์เป็นทุนอยู่แล้ว
ดังนั้นสิงที่เห็นก็เลยมีความรู้สึกว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่
และก็ใช้เวลาเดินดูอยู่ไม่นาน
สำหรับท่านที่ไม่คุ้นกับวัฒนธรรมดังที่ผมเล่าและอยากจะลิ้มลองรสชาติที่แปลกใหม่ดูบ้าง และอยากทราบว่าปีนังมีเมนูอะไรที่เป็นเมนูยอดฮิตบ้าง ก็ลองติดตามอ่านจากลิงค์นี้ดูนะครับ
ต่อไปนี้คือตัวอย่างที่จัดว่าเป็นอาหารที่ต้องลองเมื่อมาเยือนปีนัง
|
(ภาพประกอบจากกูเกิล) อันนี้คือจิ้มจุ่ม อยากทานแบบไหนก็เลือกเอาแล้วก็ส่งให้คนขายลวกให้หรือจะลวกเองก็ได้ ราคาจะสังเกตุดูได้จากสีที่ปลายไม้ เช่นสีเหลือง แดง เขียว ม่วง เป็นต้น ซึ่งราคาก็ตกไม้ละ 1.5 - 3 ริงกิต ประมาณนี้ ....
|
|
(ภาพประกอบจากกูเกิล) ตัวอย่างเมนูยอดฮิตของคนท้องถิ่นและอาหารแนะนำที่ชักชวนให้ลองเมื่อมีโอกาสได้มาเที่ยวปีนัง |
|
บรรยากาศร้านขายของกินยามค่ำคืน |
|
ร้านจิ้มจุ่ม ที่ร่วมแจมกับไปกับเขาด้วย ชิมไป 4-5 ไม้ |
ผมเองหลังจากใช้เวลาเดินดูอยู่ได้สักพักก็ตกลงปลงใจหยุดอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื่องจากไม่ต้องรอคิว จากนั้นก็เดินไปลองชิมจิ้มจุ่มที่ร้านใกล้ๆกันกับร้านก๋วยเตี๋ยว ก่อนที่จะกลับไปนอนพักผ่อนเอาแรงสำหรับเดินทางในวันรุ่งขี้น
สำหรับวันนี้คงหมดกิจกรรมเพียงเท่านี้และได้เวลาที่ต้องเข้าเฝ้าพระอินทร์ สำหรับพรุ่งนี้จะมารีวิวเกี่ยวกับศิลปะ ความเป็นอยู่และ มนตร์เสนห์ของเมืองปีนังให้ได้ชมกัน .....
โปรดอย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ
No comments:
Post a Comment