ก่อนจะมาเป็น 7 Years in Singapore

19 กันยายน 1996 (2539) เป็นที่ผมเดินทางมาทำงานที่สิงคโปร์เป็นวันแรกในตำแหน่ง QC/QA/Testing & Pre-commissioning engineer เดินทางโดยสารการบิน Cathay pacific เที่ยวเช้า(หากจำไม่ผิด)ซึ่งมาถึงสิงคโปร์ก็ประมาณบ่ายโมงเศษๆ ซึ่งเดินทางมาถึงสิงคโปร์ได้ไม่กี่ชั่วโมง ตอนเย็นก็มีข่าวทหารออกมาปฏิวัติอตีดนายก ทักษิณ ชินวัตร เลย ซึ่งบางคนก็แซวเล่นๆว่า เอ็งหนีปฏิวัติมาเหรอเนี่ย !!! ซึ่งนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ขาด 12 วัน ก็ครบเจ็ดปีพอดี


อะไรคือเหตุผลที่ต้องออกมาทำงานต่างประเทศ


     ก่อนจะมาทำงานที่สิงคโปร์ ผมเคยไปทำงานที่ประเทศอื่นๆมาแล้วสองประเทศ คือประเทศคูเวตและประเทศบังคลาเทศ โดยแต่ละประเทศที่ไปทำงานก็มีเหตุผลและความต้องการแตกต่างกันไป

     ครั้งแรกเลยคือประเทศคูเวต เดือนกันยายน ปี1991 ซึ่งช่วงนั้นประเทศคูเวตถูกผู้นำอิรัก ซัดดัม ฮุสเซ็นต์ สังบุกยึดประเทศ จากนั้นอเมริกาและพันธมิตรก็ส่งทหารเข้ามาช่วยคูเวต และปลดแอกจากการยึดครองของอิรัก ซึ่งหลังสงครามจบก็มีการประกาศรับแรงงานเข้าไปทำงานจำนวนมาก ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในแรงกลุ่มนั้นด้วย   เหตุผลที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศครั้งนี้ก็คือต้องการเก็บเงินมาเรียนต่อวิศวะและอื่นๆ (อีกมากมาย)



      หลังจากอดทนทำงานอยู่กลางทะเลทรายได้ปีครึ่ง ก็ได้เดินทางกลับประเทศและสมัครเข้าเรียนต่อวิศวะตามต้องการ    ช่วงนั้นวิศวกรถือว่าเป็นกลุ่มที่ตลาดแรงงานต้องการอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังบูมสุดขึด   แต่อนิจจาโชคไม่เข้าข้าง หลังจากผมออกมายังไม่นานเท่าไร ประเทศไทยก็เกิดเหตุการวิกฤติต้มยำกุ้ง หรือ ฟองสบู่แตกนั่นเอง ซึ่งเป็นผลทำให้แรงงานตกงานกันอย่างถ้วนหน้า รวมถึงวิศวกรด้วยซึ่งแทบจะเอาตัวไม่รอดในขณะนั้น

     ชีวิตเดินตามดวงแบบลุ่มๆดอนๆ มาได้สักระยะหนึ่ง ซึ่งรวมเวลาแล้วก็ประมาณสิบปีเห็นจะได้   พอเศรษฐกิจเริ่มพื้นตัวจากวิกฤติฟองสบู่ขึ้นเล็กน้อย  เราก็เริ่มมีความคิดอยากเรียน MBA  ขึ้นมาบ้าง   แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาเรียน  เนื่องจากช่วงนั้นสภาพเราถือได้ว่าเป็นราชาเงินผ่อนตัวยง ทั้งบ้านทั้งรถและอื่นๆอีกมากมาย   เงินเดือนแต่ละเดือนที่ได้รับก็ได้แค่กดออกมาหอมฟอดหนึ่ง หลังจากนั้นก็คืนแบ๊งค์ไปหมด  (เศร้า )

   
     ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างเล็กน้อย   เมื่อจู่ๆก็มีคนมาชวนให้ไปทำโปรเจ็คเกี่ยวกับเครนท่าเรือที่บังคลาเทศ  ในตำแหน่ง Senior  Electrical Engineer    โดยทำสัญญาว่าจ้างอย่างน้อยปีครึ่ง ซึ่งก็ได้ยื่นข้อเสนอเรื่องรายได้ให้พองามสมวัย



     เมื่อบวก ลบ คูณ หาร  รายได้แล้วก็เห็นว่าเมื่อสิ้นสุดโปรเจ็คนี้เราคงปลดหนี้ได้ และยังมีเงินเหลือสำหรับสานฝัน MBA ได้อย่างแน่นอน   จึงตัดสินใจลาออกจากที่ทำงานเดิมและเดินทางไปร่วมงานกับแขกบังคลาเทศ

     ชีวิตเป็นดำเนินไปดังคำกล่าวของคนโบราณ  " เมื่อเริ่มรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน พอเนินนาน้ำอ้อยก็กร่อยขม "     ช่วงเริ่มต้นโปรเจ็คช่วงติดตั้ง test และ commissioning  เราต้องการอะไรขอให้บอกมันจัดได้หมด

     แต่พอทุกอย่างเข้าที่ เราจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ระบบเริ่มเข้าที  ลวดลายสไตล์แขกเริ่มออก   (เริ่มจ่ายเงินเดือนช้า เริ่มจ่ายไม่ครบ  เริ่มงอแง )   พอเราทวงถามก็มีปัญหา สุดท้ายก็จบสัญญาก่อนกำหนด

   
   เมื่อจบสัญญาก่อนกำหนด ฝันที่สร้างไว้ก็เป็นว่าต้องจบตามไปด้วย    จากนั้นจึงได้หันเหชีวิตมา ทำงานที่สิงคโปร์ตามคำแนะนำของเพื่อนคนหนึ่ง   ซึ่งนับจากวันนั้นถึงวันนี้ขาดอีกไม่กี่วันก็ไกล้ครบ 7 ปีบริบูรณ์

 

No comments:

Post a Comment