ออสเตรเลียกับความฝัน
เมื่อได้ฟังคำบรรยายเกี่ยวกับรายได้และความเป็นอยู่แล้ว ในใจลึกๆก็อยากจะลองเสี่ยงดูเหมือนกัน แต่เมื่อมานั่งคิดถึงสถานะตัวเองในขณะนั้นก็ได้แต่ปลง เพราะเงินเดือนที่รับในแต่ละเดือน ก็แสนเบาหวิว ลำพังจะเอาตัวให้รอดในแต่ละเดือนก็ยังลำบากเลย
หากย้อนหลังไปเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว ออสเตรเลียถือว่าเป็นประเทศหนึ่งที่ผู้เขียนได้ให้ความสนใจอย่างยิ่งที่อยากจะไปเยือนหรือไม่ก็ไปทำงาน เพราะมีข่าวว่าประเทศนี้ต้องการแรงงานฝีมือค่อนข้างมากและรายได้ก็สูงพอสมควร
ผมเคยไปสมัครเพื่อทำการทดสอบสถานะ Skilled Worker กับบริบัทเอเจนซี่แห่งหนึ่งที่ กรุงเทพฯ เพื่อที่จะขอวีซ่าทำงานในประเทศออสเตรเลีย แต่หลังเสร็จการทดสอบเบื้องต้นแล้ว ปรากฏว่าบริษัทเอเจนซี่ที่รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเรื่องวีซ่าแจ้งว่า คุณสมบัติด้าน วุฒิการศึกษา อายุที่เหมาะสมกับวัยทำงาน และอื่นๆไปอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ยกเว้นทักษะทางด้านภาษา ซึ่งได้คะแนนไม่เข้าเกณฑ์ตามที่กำหนดและต้องปรับปรุง โดยจะต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรของบริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวและมีค่าใช้จ่าย 6-7 หมื่นบาทและร่วมอื่นๆปลีกย่อยด้วย เบ็ดเสร็จหรือหลงจ้งแล้วก็ประมาณหลักแสน
ผมเคยไปสมัครเพื่อทำการทดสอบสถานะ Skilled Worker กับบริบัทเอเจนซี่แห่งหนึ่งที่ กรุงเทพฯ เพื่อที่จะขอวีซ่าทำงานในประเทศออสเตรเลีย แต่หลังเสร็จการทดสอบเบื้องต้นแล้ว ปรากฏว่าบริษัทเอเจนซี่ที่รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาเรื่องวีซ่าแจ้งว่า คุณสมบัติด้าน วุฒิการศึกษา อายุที่เหมาะสมกับวัยทำงาน และอื่นๆไปอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ยกเว้นทักษะทางด้านภาษา ซึ่งได้คะแนนไม่เข้าเกณฑ์ตามที่กำหนดและต้องปรับปรุง โดยจะต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรของบริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวและมีค่าใช้จ่าย 6-7 หมื่นบาทและร่วมอื่นๆปลีกย่อยด้วย เบ็ดเสร็จหรือหลงจ้งแล้วก็ประมาณหลักแสน
เมื่อได้ฟังคำบรรยายเกี่ยวกับรายได้และความเป็นอยู่แล้ว ในใจลึกๆก็อยากจะลองเสี่ยงดูเหมือนกัน แต่เมื่อมานั่งคิดถึงสถานะตัวเองในขณะนั้นก็ได้แต่ปลง เพราะเงินเดือนที่รับในแต่ละเดือน ก็แสนเบาหวิว ลำพังจะเอาตัวให้รอดในแต่ละเดือนก็ยังลำบากเลย
หลังจากนั่งบวกลบคูณหารเรื่องตัวเลขแล้ว โปรเจ็คนี้ก็เลยถูกเก็บพักไว้ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำมาหาเก็บต่อไปตามสภาพ ภายใต้เศรษฐกิจยุคฟองสบู่แตก (วิกฤตต้มยำกุ้ง ) และก็ได้แต่นั่งคิดว่าสักวันจะพยายามหาโอกาสไปให้ได้สักครั้ง
จากนั้นก็ชีวิตระหกระเหินเร่ร่อนไปตามดวงและโยกย้ายเปลี่ยนงานอยู่สองสามที่ ซึ่งรวมเวลาแล้วก็ 8 ปีกว่า จึงจะได้รับวีซ่าออสเตรเลียเป็นครั้งแรก
วีซ่าเข้าออสเตรเลียครั้งแรกไม่ใช่วีซ่าท่องเที่ยว แต่เป็น Business visa ซึ่งบริษัทที่ทำงานอยู่เป็น sponsor ให้เพื่อไปเซอร์วิซลูกค้าบนแท่นเจาะน้ำมัน ซึ่งอยู่ไกล้ๆกับเมืองเมลเบิร์ล (ขณะนั้นทำงานอยู่กับ ABB สิงคโปร์ )
สุภาษิตเยอรมันกล่าวไว้ว่า "อะไรก็ตามครั้งแรกมัเป็นสิ่งที่ยากเสมอ"
หลังจากที่ครั้งแรกผ่านไป จากนั้นก็มีโอกาสได้เดินทางไปอีกหลายรอบตามเมืองต่างๆ เช่น เพิร์ธ ดาร์วิน บริสเบรน อดิเลส ( Adelaide) รวมถึงเกาะ ฺBarrow ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ หรือที่รู้กันทั่วไปว่าเป็น พลังงาน ซึ่งจะได้นำภาพถ่ายและรายละเอียดมาเล่าสู่กันฟัง
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
No comments:
Post a Comment