ประสบการณ์ครั้งแรกในเยอรมัน ซึ่งเป็นดินแดนแห่งที่อยู่ในความฝันสูงสุดของชีวิต
หากมีการตั้งคำถามกับคนที่ศึกษาทางด้านเทคโนโลยีว่า "ถ้ามีโอกาสไปต่างประเทศ คุณอยากไปประเทศไหนมากที่สุดในโลก " ผมเชื่อว่าคำตอบที่ได้รับก็น่าจะเป็นเยอรมันหรือไม่ก็ญี่ปุ่น
***แต่สมัยนี้เทรนอาจจะเปลี่ยนไป คำตอบอาจจะไม่ใช่เยอรมันหรือญี่ปุ่น แต่อาจจะเป็นกาหลีก็เป็นไปได้นะ .
ผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนี่งที่จบมาทางนี้ ดังนั้นเยอรมันจึงเป็นประเทศในที่อยู่ฝันอันดับแรก.....
ผมเคยวาดฝันเอาไว้ตั้งแต่สมัยตอนเรียนอาชีวะ ตอนประมาณแถวๆ 17-18 ฝน ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มคุ้นเคยและรู้จักร์กับเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมากขึ้น... เคยฝันว่าสักวันฉันจะต้องเดินทางไปเยอรมันซึ่งเป็นประเทศผู้นำเทคโนโลยีอันดับต้นๆของโลกให้ได้สักครั้งในชีวิต..
และแล้วฝันก็กลายเป็นจริงเเมื่อเวลาผ่านไปสิบกว่าปี... วันที่ 22 มกราคม 1999 คือวันที่รอคอยและเป็นวันที่สู้สึกตื่นเต้นที่สุดวันหนึ่งของชีวิต ...
*** เป็นการรอคอยที่นานพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม " มาช้าก็ยังดีกว่าไม่ได้มา "
การเดินทาง :
การเดินทางก็เริ่มต้นจากสนามบินดอนเมือง (เมื่อก่อนสนามบินหนองงูเห่ายังสร้างไม่เสร็จ) โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า (Lufthansa ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของเยอรมัน) และบินไปลงที่สนามบินเมืองแฟร้งค์เฟิร์ต และหลังจากนั้นก็บินต่ออีกหนึ่งเที่ยวด้วยสายการบินภายในประเทศไปลงที่สนามบินเมืองฮันโนเวอร์ (Hanover)
เมื่อไปถึงเมืองฮันโนเวอร์แล้วก็เดินทางต่อไปที่ บริษัทเอลเว่ (Elwe Technik) ซึ่งตั้งอยู่ ณ.ชานเมืองบราวน์ชไวก์ (ฺ Brunswick)
สำหรับที่พัก.. ก็พักที่บ้านพักรับรองของบริษัทแห่งนี้ ซึ่งมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมอาหารแช่แข็งส่วนหนึ่งในตู้เย็นซึ่งสามารถเข้าครัวปรุงรับประทานเองได้ตามใจชอบ
ไปทำอะไร
วัตถุประสงค์ของการเดินทางเที่ยวนี้คือบริษัทส่งไปฝึกอบรมพัฒนาทักษะและเรียนรู้การใช้งานชุดฝึกอบรมที่พัฒนาโดยบริษัทที่เยอรมันแห่งนี้ เพื่อที่จะได้นำความรู้มาถ่ายทอดสู่ ช่างเทคนิค นักเทคฯ และวิศวกร ที่สนใจในโอกาสต่อไป ...
ร่วมเป็นแฟนเพจบนเฟซบุ๊กกดไลน์ที่นี่จร้า =>https://www.facebook.com/tigerwalkertrip
***แต่สมัยนี้เทรนอาจจะเปลี่ยนไป คำตอบอาจจะไม่ใช่เยอรมันหรือญี่ปุ่น แต่อาจจะเป็นกาหลีก็เป็นไปได้นะ .
ผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนี่งที่จบมาทางนี้ ดังนั้นเยอรมันจึงเป็นประเทศในที่อยู่ฝันอันดับแรก.....
ผมเคยวาดฝันเอาไว้ตั้งแต่สมัยตอนเรียนอาชีวะ ตอนประมาณแถวๆ 17-18 ฝน ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มคุ้นเคยและรู้จักร์กับเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมากขึ้น... เคยฝันว่าสักวันฉันจะต้องเดินทางไปเยอรมันซึ่งเป็นประเทศผู้นำเทคโนโลยีอันดับต้นๆของโลกให้ได้สักครั้งในชีวิต..
และแล้วฝันก็กลายเป็นจริงเเมื่อเวลาผ่านไปสิบกว่าปี... วันที่ 22 มกราคม 1999 คือวันที่รอคอยและเป็นวันที่สู้สึกตื่นเต้นที่สุดวันหนึ่งของชีวิต ...
*** เป็นการรอคอยที่นานพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม " มาช้าก็ยังดีกว่าไม่ได้มา "
การเดินทาง :
การเดินทางก็เริ่มต้นจากสนามบินดอนเมือง (เมื่อก่อนสนามบินหนองงูเห่ายังสร้างไม่เสร็จ) โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า (Lufthansa ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของเยอรมัน) และบินไปลงที่สนามบินเมืองแฟร้งค์เฟิร์ต และหลังจากนั้นก็บินต่ออีกหนึ่งเที่ยวด้วยสายการบินภายในประเทศไปลงที่สนามบินเมืองฮันโนเวอร์ (Hanover)
*** กระซิบสำหรับท่านชาย.....สายการบินนี้เน้นฟังก์ชั่น ไม่เน้นแฟชั่น.....แอร์...ส่วนใหญ่มีแต่รุ่นคุณน้าครับท่าน .. ตอนนี้ไม่รู้ว่าปรับระบบหรือยัง...แต่ก็ดีครับ หวดเบียร์หรือไวน์สักหน่อย หลังจากนั้นหลับยาว.... 555
เมื่อไปถึงเมืองฮันโนเวอร์แล้วก็เดินทางต่อไปที่ บริษัทเอลเว่ (Elwe Technik) ซึ่งตั้งอยู่ ณ.ชานเมืองบราวน์ชไวก์ (ฺ Brunswick)
สำหรับที่พัก.. ก็พักที่บ้านพักรับรองของบริษัทแห่งนี้ ซึ่งมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมอาหารแช่แข็งส่วนหนึ่งในตู้เย็นซึ่งสามารถเข้าครัวปรุงรับประทานเองได้ตามใจชอบ
ไปทำอะไร
ดีเวลลอปเปอร์ ( Developer) ผู้พัฒนาระบบนี้กำลังสาธิตการใช้ชุดฝึกอบรมให้ดู |
ผู้ใหญ่ใจดี พาทัวร์โรงงาน ดูกระบวนการผลิตชุดฝึกอบรมเพื่อการศึกษา |
เสร็งภาระกิจก็ดินเนอร์กับเพื่อนร่วมรุ่นที่เดินทางมาจากมอร๊อคโคและสเปน |
นอกจากทำงานแล้วไปไหนบ้าง
จันทร์-ศุกร์ ซึ่งเป็นวันทำงาน ...หลังเลิกงานก็เดินเล่นและเดินตากหิมะอยู่ ณ บริเวณหมู่บ้านที่อยู่ไกล้ๆ ..ซึ่งก็ถือว่าเป็นความสุขพอสมควรที่ได้สัมผัสปุยหิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้าเป็นครั้งแรก
จันทร์-ศุกร์ ซึ่งเป็นวันทำงาน ...หลังเลิกงานก็เดินเล่นและเดินตากหิมะอยู่ ณ บริเวณหมู่บ้านที่อยู่ไกล้ๆ ..ซึ่งก็ถือว่าเป็นความสุขพอสมควรที่ได้สัมผัสปุยหิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้าเป็นครั้งแรก
วันเสาร์ที่ 30 มกราคม 1999 .. เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงได้เดินทางโดยรถไฟไปเที่ยวเมืองเบอร์ลิน (Berlin) เมืองหลวงของเยอรมัน โดยไปเช้าเย็นกลับ
*** เบอร์ลินเป็นเมืองประวัติและเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน (หากท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติม คลิกดูรายละเอียดได้จากลิงค์นี้ => เที่ยวเบอร์ลิน)
ด้วยเวลาที่จำกัดและเตรียมข้อมูลไม่ค่อยดี + กับอากาศที่หนาวและหิมะตกหนัก ทริปนี้จึงไม่ได้เดินทางไปไหนไกลๆจากสถานี่รถไฟ ส่วนใหญ่ก็จะเดินดูสถาปัตยกรรมของบ้านเมือง (ซึ่งทันสมัยก้าวล้ำกว่าบ้านเรามาก) ดูสถานที่สำคัญๆที่อยู่ไกล้ๆเช่น โบสถ์ไกเซอร์-วิลเฮล์ม ประตูบรานเดนบวร์ก และบริเวณรอบๆอาคารรัฐสภา และสลับเดินชมสินค้าตามห้างใหญ่เพื่อดื่มกาแฟและหลบหนาว
ด้านหลังที่เห็นไกลๆ คือ ประตูประตูบรานเดนบวร์ก (Brandenburger Tor) อดีตประตูเมืองและเป็นสัญลักษณของกรุงเบอร์ลิน
หอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ม (ด้านซ้าย) และอาคารรัฐสภา ซึ่งอยู่ไกล้ๆกัน
เส้นทางรถไฟจากบราวน์ชไวก์ (ฺ Brunswick) ไปเบอร์ลิน (Berlin) |
*** เบอร์ลินเป็นเมืองประวัติและเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งด้วยกัน (หากท่านใดสนใจข้อมูลเพิ่มเติม คลิกดูรายละเอียดได้จากลิงค์นี้ => เที่ยวเบอร์ลิน)
ด้วยเวลาที่จำกัดและเตรียมข้อมูลไม่ค่อยดี + กับอากาศที่หนาวและหิมะตกหนัก ทริปนี้จึงไม่ได้เดินทางไปไหนไกลๆจากสถานี่รถไฟ ส่วนใหญ่ก็จะเดินดูสถาปัตยกรรมของบ้านเมือง (ซึ่งทันสมัยก้าวล้ำกว่าบ้านเรามาก) ดูสถานที่สำคัญๆที่อยู่ไกล้ๆเช่น โบสถ์ไกเซอร์-วิลเฮล์ม ประตูบรานเดนบวร์ก และบริเวณรอบๆอาคารรัฐสภา และสลับเดินชมสินค้าตามห้างใหญ่เพื่อดื่มกาแฟและหลบหนาว
เมื่อมาถึง ก็เลยถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน |
ด้านหลังที่เห็นไกลๆ คือ ประตูประตูบรานเดนบวร์ก (Brandenburger Tor) อดีตประตูเมืองและเป็นสัญลักษณของกรุงเบอร์ลิน
หอโทรทัศน์แฟร์นเซทวร์ม (ด้านซ้าย) และอาคารรัฐสภา ซึ่งอยู่ไกล้ๆกัน
ใช้เวลาสร้างสูดอากาศและสร้างความคุ้นเคยอยู่ที่เบอร์ลินประมาณ 8 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เดินทางกลับด้วยรถไฟเส้นทางเดิม
แต่ขากลับเป็นอะไรที่ได้เสียวสันหลังครับ ... เมื่อรถไฟเดินทางมาถึงเมืองมัคเดบูร์ก (Megdeburg) ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างเบอร์ลินกับบราวน์ชไวก์ ก็ได้มีแฟนบอลจำนวนมากขึ้นมาบนขบวนรถไฟ เรียกวาขึ้นมาแน่นจนคับโบกี้รถไฟเลยที่เดียว...
แฟนบอลแต่ละท่านต้องบอกว่าค่อนข้างแตกต่างจากฝรั่งที่เห็นในบ้างเราค่อนข้างมาก ... ห้วบาก ฟันบิ่น เจาะหู เจาะจมูก เจาะปาก เจาะคิ้ว พร้อมรอยสักเด็มแขน ขาและ คอ ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย และแต่ละท่านก็หวดเบียร์กันเมาปลิ้น+ร้องเพลงเชียร์กันกระหึ่ม+โยกกันจนโบกี้สะเทีอน และที่สำคัญ สายตาและกริยาไม่เป็นมิตรกับต่างชาติเอาซะเลย ....ให้ตายซิ...ต้องบอกว่าเสียวสันหลังและหายใจไม่ทั่วท้องเลยจริงๆ
แต่โชคดีที่มีตำรวจประมาณยี่สิบกว่านายขึ้นมาคุมหัวท้ายโบกี้ ตลอดเส้นทางก่อนที่แฟนบอลเหล่านั้นจะลงจากไป ... สุดท้ายผมกลับถึงที่พักปลอดภัย..
สำหรับวันหยุดถัดไปซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ผมก็ใช้เวลาอยู่ที่เมืองบราวน์ชไวก์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ... แต่ว่าตอนนี้ยังหารูปไม่เจอ ไม่รู้ว่าอยู่กับคอมฯเครื่องไหน.. หากหาเจอแล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป
หลังจากมีครั้งแรกก็มีครั้งต่อๆไป ... ผมมีโอกาสได้ไปเยอรมันประมาณหกครั้ง ได้มีโอกาสไปเยือนหลายเมืองตั้งแต่เหนือจรดใต้ ซึ่งจะได้นำมาเล่าสู่กันฟังในตอนต่อๆไป อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะครับ
No comments:
Post a Comment