ทริปนี้เป็นการเดินทางมาเวียดนามครั้งแรก.. ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนเมษายน 2008 หรือประมาณ 6 ปีที่แล้ว.. ซึ่งขณะนั้นผู้เขียนยังทำงานอยู่กับ ABB (สิงคโปร์) ในแผนก Marine Service dept. โดยทำหน้าที่ให้บริการเซอร์วิชแก่ลูกค้ากลุ่มเรือเดินสมุทรและแท่นขุดเจาะน้ำมัน
สำหรับจุดหมายปลายทางของทริปนี้ก็คือการออกไปเซอร์วิช ลูกค้าซึ่งเป็นแท่นขุดเจาะน้ำมัน ที่่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของเวียดนามใกล้ๆรอยต่อระหว่างน่านน้ำเวียดนามและมาเลเซีย ( บริเวณกรอบสีแดงดังรูปด้านล่าง)
การเดินทางก็เริ่มต้นจากสิงคโปร์ และบินลัดฟ้ามาลงที่สนามบินเมืองโฮจิมินห์ จากนั้นก็เดินทางด้วยรถยนต์ไปที่เมืองหวุงเต่า
" Saigon: Motorbike Capital of the World"
ไซ่ง่อน หรือ ไซกอน (Saigon) คือชื่อเมืองเดิมของโฮจิมินห์
มาถึงหวุงเต่าและถึงโรงแรมที่พักที่ลูกค้าจองไว้ให้ก็ประมาณทุ่มกว่าๆซึ่งก็มืดพอดี..วันนี้จึงหยุดพักผ่อนที่นี่หนึ่งคืน.
แท่นเจาะน้ำมัน ซึ่งถ่ายผ่านหน้าต่างเฮลิคอปเตอร์ ........
*** ไม่ขอแนะนำสำหรับคนที่ไม่คุ้นกับการเดินทางด้วยเรือ เพราะอาจจะมีอาการเมาเรือได้ ... ทริปนี้เสือน้อยเห็นสุภาพสตรีหลายท่านนั่งอาเจียนในระหว่างเดินทาง
เวียดนามตอนแรกขอจบไว้แค่นี้ก่อน... สำหรับเส้นทางนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางมา 3-4 เที่ยว ซึ่งยังจะมีเรืองเล่าอีกพอสมควร ... โปรดติดตามเวียดนามตอนต่อไปนะครับ !! บะบายโฮจิมินห์
ลิงค์ข้อมูลท่องโฮจิมินห์ที่น่าสนใจ :
สำหรับจุดหมายปลายทางของทริปนี้ก็คือการออกไปเซอร์วิช ลูกค้าซึ่งเป็นแท่นขุดเจาะน้ำมัน ที่่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของเวียดนามใกล้ๆรอยต่อระหว่างน่านน้ำเวียดนามและมาเลเซีย ( บริเวณกรอบสีแดงดังรูปด้านล่าง)
การเดินทางก็เริ่มต้นจากสิงคโปร์ และบินลัดฟ้ามาลงที่สนามบินเมืองโฮจิมินห์ จากนั้นก็เดินทางด้วยรถยนต์ไปที่เมืองหวุงเต่า
จากสิงคโปร์ไปโฮจิมินห์ใช้เวลาบินประมาณ 1-1/2- 2 ชั่วโมง |
*** โฮจิมินห์ได้ชื่อว่าเมืองหลวงมอเตอร์ไชต์ของโลก ... ดังนั้นบนพื้นผิวจราจรหนาแน่นไปด้วยรถมอเตอร์ไชต์....โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วนของทุกๆวันบนถนนจะเต็มไปด้วยมอเตอร์ไชต์ดังภาพตัวอย่าง
" Saigon: Motorbike Capital of the World"
ไซ่ง่อน หรือ ไซกอน (Saigon) คือชื่อเมืองเดิมของโฮจิมินห์
เตรียมพร้อมที่จะเดินทางกลับขึ้นฝั่ง ซึ่งจะต้องใส่เสื้อกั๊กที่มีถุงลมเพื่อช่วย ในการลอยตัวในน้ำ กรณีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน |
มาถึงหวุงเต่าและถึงโรงแรมที่พักที่ลูกค้าจองไว้ให้ก็ประมาณทุ่มกว่าๆซึ่งก็มืดพอดี..วันนี้จึงหยุดพักผ่อนที่นี่หนึ่งคืน.
7.00 น. ของวันใหม่ก็เดินทางไปที่ Helibase เพื่อนั่งเฮลิคอปเปอร์ไปทำงานที่แท่นเจาะน้ำมันซึ่งตั้งอยู่ไกล้ๆกับแนวรอยต่อระหว่างน่านน้ำเวียดนามกับน่านน้ำของมาเลเซีย
แท่นเจาะน้ำมัน ซึ่งถ่ายผ่านหน้าต่างเฮลิคอปเตอร์ ........
หลังเสร็จภาระกิจก็กลับขึ้นฝั่งที่เมืองหวุงเต่าและเดินทางกลับมาที่เมืองโฮจิมินห์ ....
*** ขาไปเดินทางด้วยรถยนต์ ... แต่ว่าขากลับเดินทางด้วยเรือ ferry ซึ่งเป็นเรือด่วนวิ่งระหว่างหวุงเตาและโฮจิมินห์ โดยใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งจะเร็วกว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณหนึ่งชั่วโมง.. ส่วนค่าโดยสารก็ประมาณสองแสนดอง (200,000 VD)
*** เส้นทางเดินเรือดูได้จากภาพด้านบนตามแนวเส้นสีส้ม
*** เส้นทางเดินเรือดูได้จากภาพด้านบนตามแนวเส้นสีส้ม
การเดินด้วยเรือด่วนนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวพอสมควร... เนื่องจากค่อนข้างสะดวกและประหยัดเวลา และนอกจากนั้นท่านยังจะได้ชื่นชมกันทัศนียภาพโดยรอบของสองฝั่งแม่น้ำอีกด้วย..ซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติน่าติดตามชม
และที่สำคัญในเรือด่วนเองยังมีเบียร์เย็นๆขายให้อีกด้วย ... เบียร์เย็นๆ นั่งชมนกชมไม้และดูบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำไปเรื่อยๆ มันก็เพลินไปอีกแบบครับ..
และที่สำคัญในเรือด่วนเองยังมีเบียร์เย็นๆขายให้อีกด้วย ... เบียร์เย็นๆ นั่งชมนกชมไม้และดูบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำไปเรื่อยๆ มันก็เพลินไปอีกแบบครับ..
*** ไม่ขอแนะนำสำหรับคนที่ไม่คุ้นกับการเดินทางด้วยเรือ เพราะอาจจะมีอาการเมาเรือได้ ... ทริปนี้เสือน้อยเห็นสุภาพสตรีหลายท่านนั่งอาเจียนในระหว่างเดินทาง
ออกเดินทางตอนบ่ายแก่ๆจากหวุงเต่า มาถึงโฮจิมินห์ก็ราวๆห้าโมงเย็น ซึ่งก็เป็นอันว่าไม่ทันเที่ยวบินสำหรับบินกลับสิงคโปร์ในวันนี้...ดังนั้นคืนนี้จึงต้องนอนพักที่โฮจิมินห์เพื่อรอเที่ยวบินในวันถัดไป...หากเป็นภาษาวัยรุ่นก็ต้องบอกว่างานนี้เข้าทางโจร... :)
หลังจากทำการเช็คอินเข้าห้องพักเรียบร้อยก็จัดแจงอาบน้ำอาบท่าตามระเบียบ..ต่อจากนั้นก็ได้เวลาสวมวิญญาณเสือเผ่น ...
แต่อย่างไรก็ตามกว่าเสือน้อยจะเสร็จภาระกิจหรือกว่าจะเผ่นได้ก็ตะวันตกดินพอดี...ดังนั้นแพลนวันนี้ก็จะเป็นอะไรที่หลวมๆ กล่าวคือไปเท่าที่จะเดินทางไปได้ในรัศมีที่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักมากนัก..
"กองทัพเดินด้วยท้อง" อันดับแรกเลยคือหาอะไรหนักๆท้องก่อนเลย..
แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าสำหรับเรื่องอาหารนั้น เสือน้อยไม่ค่อยสันทัดสักเท่าไหร่หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นคนไม่ค่อยได้สรรหาในเรื่องอาหารการกินสักเท่าไหร่... นอกเสียจากเมื่อเห็นอะไรที่หน้าตาแปลกๆหรือค่อนข้างแตกต่างจากอาหารไทยก็มักจะสั่งมาชิมดู...ดังนั้นมื้อค่ำวันนี้เสือน้อยจึงยกให้เพื่อนเวียดนามเป็นคนโปรแกรม..และสุดท้ายก็ไปลงตัวที่ร้านอาหารดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามและเยื้องกับ War Museum ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของโฮจิมินห์
มื้อเย็นวันนี้เพื่อนเวียดนามสั่งอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อมาให้ชิมหลายรายการ แต่เนื่องจากผลของเบียร์เย็นๆที่ดื่มบนเรือด่วนยังออกฤทธิ์ค้างอยู่จำนวนมาก สุดท้ายก็จำไม่ได้ว่าหวดอะไรไปบ้าง จำได้อย่างเดียวคืออะไรที่คล้ายปอเปี๊ยะสดดังรูป
แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าสำหรับเรื่องอาหารนั้น เสือน้อยไม่ค่อยสันทัดสักเท่าไหร่หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นคนไม่ค่อยได้สรรหาในเรื่องอาหารการกินสักเท่าไหร่... นอกเสียจากเมื่อเห็นอะไรที่หน้าตาแปลกๆหรือค่อนข้างแตกต่างจากอาหารไทยก็มักจะสั่งมาชิมดู...ดังนั้นมื้อค่ำวันนี้เสือน้อยจึงยกให้เพื่อนเวียดนามเป็นคนโปรแกรม..และสุดท้ายก็ไปลงตัวที่ร้านอาหารดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามและเยื้องกับ War Museum ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของโฮจิมินห์
มื้อเย็นวันนี้เพื่อนเวียดนามสั่งอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อมาให้ชิมหลายรายการ แต่เนื่องจากผลของเบียร์เย็นๆที่ดื่มบนเรือด่วนยังออกฤทธิ์ค้างอยู่จำนวนมาก สุดท้ายก็จำไม่ได้ว่าหวดอะไรไปบ้าง จำได้อย่างเดียวคืออะไรที่คล้ายปอเปี๊ยะสดดังรูป
เมื่อหนังท้องดึง..กล้ามเนื้อที่น่องก็เริ่มหย่อนและมีเรี่ยวแรง...และก็เป็นสัญญานเตือนว่าได้เวลาที่จะต้องไปยังที่ชอบๆแล้ว !!
จากคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมอาชีพที่มีประสบการณ์ มักแนะนำว่าเวียดนามค่อนข้างมีชื่อในเรื่องที่ไม่พึงปราถนา..โดยเฉพาะพวกมอเตอร์ไชต์และสามล้อที่อาสาพาคนไปยังโซนสีแดง..ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเชี่ยวชาญเรื่องการเซ็ตเกมส์เพื่อตบทรัพย์ ... ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรเลี่ยงที่จะออกไปท่องราตรีคนเดียว..
ในเมื่อเพื่อนๆให้คำแนะนำเช่นนี้..โปรแกรมคืนนี้เลยใช้เวลาส่วนใหญ่เดินเที่ยวและชิมไปบ่นไปอยู่แถวๆ ตลากบินถั่น ( Ben Than Night Markets) ซึ่งเป็นตลาดตอนกลางคืนที่มีชื่อเสียง และที่สำคัญตลาดตั้งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักประมาณ 500 เมตร เท่านั้นเอง... เหนื่อยเมื่อไรก็เดินกลับโรงแรมนอนพักผ่อนได้เลย..
เมื่อเดินเที่ยวชมและชิมไปบ่นไปจนได้ที่ ก็กลับเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อน...และจากอีเมล์ล่าสุดทางออฟฟิศแจ้งว่าเที่ยวบินสำหรับบินกลับฐานคือวันพรุ่งนี้ประมาณ 5 โมงเย็น..
สรุปว่ายังมีเวลาอย่างน้อยอีกเกือบหนึ่งวันเต็มๆที่จะได้มีโอกาสท่องเที่ยว สดอากาศ และเดินทางไปยังแลนด์มาร์คต่างๆที่น่าสนใจของตัวเมืองโฮจิมินห์..
กินอิ่มนอนหลับพักผ่อนเต็มที่ ตื่นเช้ามาจึงได้กฤษ์ออกเดินเที่ยวชมเมืองและสถานที่สำคัญๆ โดยเริ่มตั้งแต่ตลาดที่เคยไปเยี่ยมเมื่อคืนที่ผ่าน..ไปดูว่าบรรยากาศตอนกลางกับกลางคืนต่างกันแค่ไหนอย่างไร .. จากนั้นเดินทางไปจตุรัสโฮจิมินห์ ..โบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral)... ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ (Main Post Office) ...และก็แวะเดินเที่ยวชมห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไกล้ๆกัน....แล้วตามด้วยพิพิธภัณฑ์สงคราม (War Museum) ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายของวันนี้..
จากคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมอาชีพที่มีประสบการณ์ มักแนะนำว่าเวียดนามค่อนข้างมีชื่อในเรื่องที่ไม่พึงปราถนา..โดยเฉพาะพวกมอเตอร์ไชต์และสามล้อที่อาสาพาคนไปยังโซนสีแดง..ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเชี่ยวชาญเรื่องการเซ็ตเกมส์เพื่อตบทรัพย์ ... ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรเลี่ยงที่จะออกไปท่องราตรีคนเดียว..
ในเมื่อเพื่อนๆให้คำแนะนำเช่นนี้..โปรแกรมคืนนี้เลยใช้เวลาส่วนใหญ่เดินเที่ยวและชิมไปบ่นไปอยู่แถวๆ ตลากบินถั่น ( Ben Than Night Markets) ซึ่งเป็นตลาดตอนกลางคืนที่มีชื่อเสียง และที่สำคัญตลาดตั้งอยู่ห่างจากโรงแรมที่พักประมาณ 500 เมตร เท่านั้นเอง... เหนื่อยเมื่อไรก็เดินกลับโรงแรมนอนพักผ่อนได้เลย..
เมื่อเดินเที่ยวชมและชิมไปบ่นไปจนได้ที่ ก็กลับเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อน...และจากอีเมล์ล่าสุดทางออฟฟิศแจ้งว่าเที่ยวบินสำหรับบินกลับฐานคือวันพรุ่งนี้ประมาณ 5 โมงเย็น..
สรุปว่ายังมีเวลาอย่างน้อยอีกเกือบหนึ่งวันเต็มๆที่จะได้มีโอกาสท่องเที่ยว สดอากาศ และเดินทางไปยังแลนด์มาร์คต่างๆที่น่าสนใจของตัวเมืองโฮจิมินห์..
กินอิ่มนอนหลับพักผ่อนเต็มที่ ตื่นเช้ามาจึงได้กฤษ์ออกเดินเที่ยวชมเมืองและสถานที่สำคัญๆ โดยเริ่มตั้งแต่ตลาดที่เคยไปเยี่ยมเมื่อคืนที่ผ่าน..ไปดูว่าบรรยากาศตอนกลางกับกลางคืนต่างกันแค่ไหนอย่างไร .. จากนั้นเดินทางไปจตุรัสโฮจิมินห์ ..โบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral)... ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ (Main Post Office) ...และก็แวะเดินเที่ยวชมห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไกล้ๆกัน....แล้วตามด้วยพิพิธภัณฑ์สงคราม (War Museum) ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายของวันนี้..
บริเวณโบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral) ซึ่งมีไปรษณีย์อยู่ด้านซ้ายมือ |
เดินเที่ยวห้าง เดินชมนกชมไม้ พริตตี้มอเตอร์ไชต์โชว์ยิ้มหวานเรียกลูกค้า. |
สถานที่สุดท้ายคือพิพิธภัณฑ์สงคราม (War Museum) ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมอุปกรณ์และเรื่องราวต่างๆสมัยสงคราม เช่น อาวุธ เครื่องมือสื่อสารและอื่นๆที่ใช้ในช่วงสงคราม นำมาแสดงไว้ให้ได้ดูกัน..
เครื่องพิมพ์ดีด |
เฮลิคอปเตอร์ที่ใช้สมัยสงคราม |
..... |
อุปกรณ์สื่อสาร |
เจอคู่บ่าวสาว ที่มาถ่ายรูปสำหรับเป็นที่ระลึกก่อนวันแต่งงาน จึงร่วมวงไพบูลย์แสดงความยินดีกับเขาด้วย ในฐานะแขกผู้มีเกือก ..55 |
การได้ลองอาหารท้องถิ่นแบบถึงเนื้อถึงตัวถือว่าเป็นความชอบส่วนบุคล ..ดังนั้นก่อนเดินทางกลับฐาน ... จึงทำการสั่งลาโฮจิมินห์ด้วย อาหารหาบเร่ริมทาง ซึ่งจำชื่อไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆมันคล้ายขนมจีนน้ำยา ... ซึ่งก็อร่อยดีเหมือนกัน..
ลูกสาวแม่ค้ายืนยิ้มหวานช่วยคุณแม่ทำงาน ... ลองถามเล่นๆดูว่าหากจะสู่ขอเพื่อแต่งงานด้วยจะคิดค่าสินสอดเท่าไร .. คุณแม่ค้าตอบว่า 200,000,000 (สองร้อยล้านดอง) หรือประมาณสามแสนบาท..555 |
แม่ค้าตาคม ... สังเกตุจากหุ่นก็รู้ว่ามีเสน่ห์ปลายจวัก.. |
ลิ้มลองอาหารท้องถิ่น เพื่อความเป็นศิริมงคล ก่อนเดินทางกลับ |
เวียดนามตอนแรกขอจบไว้แค่นี้ก่อน... สำหรับเส้นทางนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางมา 3-4 เที่ยว ซึ่งยังจะมีเรืองเล่าอีกพอสมควร ... โปรดติดตามเวียดนามตอนต่อไปนะครับ !! บะบายโฮจิมินห์
- ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกดไลน์ที่นี่จร้า => https://www.facebook.com/realtigerwalker
ลิงค์ข้อมูลท่องโฮจิมินห์ที่น่าสนใจ :
No comments:
Post a Comment