มาอบรมเรื่องเครนที่ บริษัทมิตซูบิชิ เมืองฮิโรชิมา
ญึ่ปุ่นคืออีกหนึ่งประเทศที่อยู่ในความฝันตลอดมาว่าอยากที่จะไปเยือนสักครั้งในชึวิต...และความฝันก็กลายเป็นจริงครั้งแรกเมื่อปี 2004 ซึ่งได้มีโอกาสได้ไปที่เมืองโออิตะ(เมืองต้นแบบ OTOP )
ส่วนการดินทางมาญี่ปุ่นครั้งที่สองนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2005 โดยเดินทางไปที่เมืองฮิโรซิมาและก็มีโอกาสได้พักอยู่นี่เป็นระยะเวลาเกือบ 40 วัน ...
|
กลุ่มควันรูปดอกเห็นลอยเหนือท้องฟ้า
เมืองฮิโรชิม่า หลังโดนระเบิดปรมาณู |
ฮิโรชิม่าถือว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นหนึ่งในสองเมืองที่โดนอเมริกาถล่มด้วยระเบิดปรมาณูเมื่อปี พ.ศ. 2488 ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง...
เมืองฮิโรชิม่านี้มีสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญๆหลายแห่งซึ่งจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป แต่สำหรับตอนนี้จะขอเล่าให้ฟังก่อนว่าผมมาที่นี่ได้อย่างไร และทำไมจึงได้มาที่นี่..
* ** Hiroshima เขียนเป็นภาษาได้หลายแบบเช่น ฮิโรชิมะ , ฮิโรชิมา และ ฮิโรชิม่า ในที่นี้ผมขออนุญาตใช้คำหลังก็แล้วกัน
หากย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 2004-2050 ซึ่งขณะนั้นผมได้ทำงานอยู่แผนกวิศวกรรมกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง....ซึ่งจะว่าไปแล้วชีวิตการทำงานก็มีความสุขดีพอสมควร แต่ทว่าดูเหมือนชีวิตได้ถูกลิขิตให้ต้องเดินไปตามโชคชะตา.. นั่นคือจะต้องทำอะไรก็ได้ที่่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง หรือ
ไม่เดินทางก็ไม่ค่อยได้เงิน นั่นเอง
ดูเหมือนคำทำนายทายทักจะเป็นจริง...เมื่อถึงเวลาหรือเมื่อกฤษ์งามยามดีมาถึง..จู่ๆก็มีคนนำเอาข่าวเกี่ยวกับงานมาฝาก นั้นคืองานโปรเจ็คที่ท่าเรือจิตตะกอง(บังคลาเทศ) ซึ่งลักษณะงานก็คล้ายๆกับงานประจำที่ทำอยู่ หน้าที่หลักคือประสานงานและนำลูกทีมทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์จากญี่ปุ่นเพื่อทำการ Installation , Commissioning & Testing เครนยกตู้สินค้า และรวมถึงงานซ่อมบำรุงระบบหลังซัพพลายเออร์ส่งมอบโปรเจ็ค.
เพจเก็จที่ว่าที่นายจ้างเสนอให้ก็คือ...สัญญาจ้างงาน 18 เดือนในตำแหน่งเป็นวิศวกรไฟฟ้าอาวุโส เงินเดือนหกหลักต้นๆ + ฟรีที่พักและอาหาร + ทำงาน 3 เดือนได้พัก 2 สัปดาห์
เงินเดือนที่ว่าที่นายจ้างเสนอให้ก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจแต่ประเด็นอยู่ที่สัญญาแค่ 18 เดือน ซึ่งหมายความว่าหลังจากนั้นคงต้องเริ่มต้นหางานใหม่
|
ภาพประกอบ |
แต่เมื่อคิดถึงสภาพความเป็นจริง ณ ขณะนั้น ชีวิตแต่ละเดือนต้องดำรงอยู่แบบราชาเงินผ่อน...สิ้นเดือนมาก็ต้องจ่ายค่าบ้าน+รถยนต์+เงินกู้และอืนๆ ... เงินเดือนก็แค่กดจาก ATM มาหอมหนึ่งฟอดจากนั้นก็จ่ายคืนกลับไปแบ๊งค์เหมือนเดิมเรียกว่า hand to mouth หรือเดือนชนเดือนกันเลยที่เดียว.
เพจเก็จใหม่นี้จะมีรายได้สูงกว่าเดิมถึง 250 % และเมื่อทำการบวกลบคูณหารแล้วหลังสิ้นสุดสัญญาคาดการณ์ว่านอกจากจะปลดหนี้ได้แล้วยังมีเงินเหลือพอที่จะเป็นทุนเรียนต่อ MBA ได้อีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ไม่เลว ... สุดท้ายเมื่อไตร่ตรองจนความคิดตกผลึกแล้ว ก็เลยตอบรับข้อเสนอและเซ็นต์สัญญาร่วมงานกับบริษัทแห่งใหม่
โปรเจ็คที่บังคลาเทศแล้วทำไมต้องมาที่ญี่ปุ่น ?
ณ ขณะนั้นเครนยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาในขั้นตอนสุดท้ายอยู่ ณ ที่โรงงาน (
บริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่อิควิปเม็นท์ ) และตามข้อกำหนดของสัญญาก่อนที่จะทำการส่งมอบสินค้าไปยังปลายทางจะต้องมีตัวแทนเจ้าของโปรเจ็คมาเป็นสักขีพยายานในการทดสอบฟังก์ชั่นการทำงานเบี้องต้นรวมถึงการเทรนนิ่งให้กับพนักงานที่เกี่ยวข้อง
ผมคือหนึ่งในทีมที่ต้องประสานงานและทำงานร่วมกับตัวแทนซัพพลายเออร์รวมถึงจะต้องรับชอบดูแลการซ่อมบำรุงระบบในอนาคตด้วย ดังนั้นจึงได้ถูกคัดเลือกให้มาร่วมเป็นสักขีพยานในการทดสอบและเข้าร่วมอบรมกับเขาด้วยซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง
*** หลังเซ็นต์สัญญาร่วมงานก็ได้รับโอกาสให้มาอบรมเลย ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต และได้มีโอกาสอยู่ที่เมืองฮิโรชิมานี้ประมาณ 40 วัน
|
การเดินทาง => เริ่มต้นบินจากสนามบินดอนเมืองแล้วมาลงที่สนามบินนาริตะ (Narita international airport) ไกล้ๆกับเมืองโตเกียว(Tokyo) ... หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟหัวกระสุนซึ่งวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 200 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปที่เมืองฮิโรซิม่า |
|
พนักงานการท่าเรือจิตตะกองที่เดินทามาอบรมเกี่ยวกับเครนและเทคนิคการซ่อมบำรุงซึ่งรวมทั้งหมด 22 ท่าน |
|
บรรยากาศในห้องอบรม |
|
ทีมงานผู้รับเหมาช่วงซึ่งจะต้องเป็นฝ่ายดูแลระบบให้กับการท่าเรือ |
|
my Baby ...ถ่ายรูปคู่กับเครนทั้ง 4 ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ดูแลในโอกาสต่อไป |
|
ภาคปฏิบัติ ...บางวันก็ต้องขึ้นไปอยู่บนเครน |
|
นั่งพักผ่อนสบายๆ หลังอาหารมื้อกลางวัน |
|
ข้างหลังคือเครนที่จะส่งมอบมาที่มาบตาพุต ระยอง เห็นป้ายโปรเจ็คเขียนบอกไว้อย่างนั้น ก็เลยเก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน |
*** เนื้อหาตอนนี้เป็นเพียงแค่เกริ่นนำว่าทำไมจึงได้มาที่ญี่ปุ่น ดังนั้นตอนนี้ผมจึงขอจบตอนเอาเพียงแค่นี้ก่อน
สำหรับเมืองฮิโรชิม่าแล้ว ผมมีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่ถึง 40 วัน ซึ่งจะมีเรื่องเล่าให้ฟังอีกมากมาย ถ้าสนใจเนื้อหาต่อเนื่องแล้วละก็โปรดติดตามตอนไปนะครับ
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกดไลน์ที่นี่จร้า => https://www.facebook.com/realtigerwalker
No comments:
Post a Comment