Kota kinabalu_Sapi Island

ต่อจากตอนที่แล้ว =>  เยี่ยมชมชีวิตเล็กๆ @ หมู่บ้านน้ำ (Kampung Air) 



   ตอนที่ได้แล้วได้เกริ่นไว้แล้วว่า คำว่า" tomorrow no chopper schedule หรือ พรุ่งนี้ไม่มีเฮลิคอปเตอร์บินไปแท่น" นั้นเสมือนว่าดังมีพระมาโปรดและเป็นคำพูดที่อยากฟังซ้ำ ..


  วันนี้เป็นวันที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์บินไปแท่นก็เลยทำให้วันนี้ทั้งวันเปรียบเสมือนเป็นวันฮอลิเดย์ คือได้มีเวลาทั้งวันที่จะได้เดินทางไปในสถานที่ที่ชอบๆ ....

  และแพลนหลวมๆสำหรับวันนี้ก็เลยตั้งเป้าไว้ว่าจะเดินทางไปที่ชอบๆสักสองแห่ง...ที่แรกเลยก็คือการนั่งเรือไปเที่ยวเกาะต่างๆที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่ใกล้ๆกับตัวเมือง..

   เกาะที่ว่าก็คือเกาะ ซาปิ (Sapi)  เกาะมานูกัน (Manukan) และเกาะมามูติค (Mamutik)

จากคำแนะนำของทัวร์แนะนำให้ไปแค่สองเกาะเพราะที่เหลือจะเป็นอะไรที่เหมือนๆกัน...ดังนั้นวันนี้จึงตัดสินใจเลือกไปแค่สองเกาะตามคำแนะนำคือเกาะซาปีและเกาะมานูกัน



  • การเดินทางก็มาเริ่มต้นที่ท่าเรือเพอรี่ Jeseltion Point   เพื่อซื้อตั๋วสำหรับเดินทาง ซึ่งก็มีทั้งตั๋วเหมาและก็ตั๋วแบบแชร์กันไป  ตั๋วเหมาก็ราคาประมาณ 450 ริงกิตหรือ 4500 บาท แต่ถ้าแบบแชร์ไปกันประมาณ 10-12 คนก็คนละ 40.2 ริงกิต หรือ 402 บาท


ซ้ายมือคือตั๋วสำหรับเดินทาง (ออกเดินทางไปถึงเกาะซาปิเวลา 12.15 น. และรับกลับจากเกาะมานูกันเวลา 3.30 น
  ขวามือสภาพแวดล้อมของท่าเรือ JESELTION POINT.

อีกมุมหนึ่งของท่าเรือ เมื่อมองออกไปทางด้านทะเล


เมื่อเดินทางมาถึงจุดแรกคือเกาะซาปี  ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าชมเกาะ อีก 10 ริงกิด (100 บาท) ...จ่ายครั้งเดียวจากนั้นสามารถเข้าชมได้ทุกๆเกาะ


ภาพความงามของเกาะซาปี  ซึ่งมองจากด้านเหนือขอเกาะ ณ จุดบริเวณวงกลมสีส้ม
มุมมองใกล้ๆกับตำแหน่งด้านบน  ซึ่งจะมองเห็นชายหากและท่าเทียบเรือ

ซ้ายมือ เต็นท์ที่พักอาหารนักท่องเที่ยวที่มากับทัวร์  โดยลูกทัวร์เท่าที่เห็นก็จะมีเกาหลี และ จีนเป็นส่วนใหญ่


อีกมุมของเกาะ บริเวณตอนใต้ บริเวณวงกลมสีส้ม  ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมานอนอาบแดดกัน

ภาพมุมกว้างที่ถ่ายจากบริเวณหาดตอนใต้  ซึ่งมีหาดทรายที่ค่อนข้างสะอาดตาและซึ่งเป็นที่นิยมเป็นที่นอนอาบแดดของชาวต่างชาติ 


ตามโปรแกรมของทัวร์แล้ว เขาจะพาลูกทีมมาส่งที่เกาะซาปีและให้เวลาชื่นชมกับบรรยากาศอยู่ที่นี่ประมาณ 45 นาที จากนั้นก็พาไปเที่ยวต่อที่เกาะ MANUKAN  ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน

จุดเด่นของเกาะมานูกันก็คือเป็นแหล่งที่เหมาะสำหรับการดำน้ำดูปลา ซึ่งจะมีปลาทะเสสวยงามหลากหบายชนิดให้ได้ชื่นชม..

***  มานูกัน (Manukan) นั้นมาจากรากศัพท์เดียวกับคำว่า มานก (Manok)  เป็นภาษาตากาล๊อกหรือภาษาฟิลิปปินส์ ซึ่งแปลว่าไก่ ... ดังนั้นเกาะแห่งนี้หากแปลเป็นไทยก็มีความหมายว่า"เกาะไก" นั่นเอง
*** จากกการสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ข้อมูลว่าที่ได้ชื่อว่าเกาะไก่ ก็เพราะว่าสมัยก่อนเกาะแห่งนี้มีไก่ป่าเยอะ




เมื่อเดินทางมาถึงเกาะมะนูกัน   ก็จะเห็นนักท่องเที่ยวดำน้ำดูปลากันอย่างมีความสุข

ตัวอย่างปลาชนิดต่างๆที่อาจจะพบเห็นได้ที่นี่  ซึ่งติดโชว์ไว้บริเวณศาลาท่าเรือ..

สะพานจากท่าเรือเดินทางเข้าเกาะ 

จุดจ่ายค่าเข้าชมเกาะ..ค่าธรรมเนียมเข้าชมเกาะ 10 ริงกิต ... ค่าธรรมนี้เป็นการจ่ายครั้งเดียวและสามารถใช้เข้าชมได้ทั้ง 3-4  เกาะที่อยู่ใกล้ๆกัน... โดยอยู่ที่ว่าทัวร์จะพาท่านไปเกาะแห่งไหนก่อน หลังจากนั้นก็ใช้ใบเสร็จที่มีอยู่แสดงกับเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางไปยังเกาะอื่นๆที่เหลือ

ภาพมุมกว้างเมื่อมองจากศาลาท่าเทียบเรือ...

ภาพนักท่องเที่ยวที่กำลังให้อาหารปลาและชมฝูงปลาสวยงามแบบถึงเนื้อถึงตัว 

บ้านพัก และ ทางเดินชมป่าเขาสำหรับคนที่ชอบดูธรรมชาติป่าเขา...

ภาพมุมกว้างเมื่อมองจากเกาะไปยังตัวเมือง 

ทัวร์โปรแกรมนี้ใช้เวลา 3.5  ชั่วโมงรวมเวลาไปกลับ ... ออกเดินทาง 12.15 น. และกลับขึ้นฝั่งเวลา 3.45 น

 หลังกลับขึ้นฝั่งได้ก็แวะเติมพลังก่อนเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป.....โดยเป้าหมายต่อไปคือ Mari Mari  Culture Village  ที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองอินนานัม...
เมนูด่วนมื้อนี้ก็เป็นอาหารแบบง่ายๆเลย ... คือข้าวหน้าเป็ด...ซึ่งเป็นของโปรดและตามด้วยไอติมถัวแดง 1 แท่ง 

    เมื่อเติมพลังเรียบร้อย ก็ทำการเดินทางไปยังเป้าหมายถัดไปนั่นคือหมู่บ้านวัฒนธรรม  Mari Mari  ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเมืองอินนานัม ( INANAM) ...

    การเดินแบบไปยังจุดหมายถัดไปก็อาศัยรถประจำทางอีกเช่นเคยซึ่งเป็นรถเมล์มินิบัสและรถตู้ ดังรูป

บริเวณ bus station ซึ่งก็เห็นป้ายเมืองอินนามัมอยู่ด้านหน้า.. ระยะทางจากโคตาคินาบาลูไปอินนานัมก็ประมาณ 10 กิโลเมตร ค่าโดยสารก็คนละ 1.5 ริงกิต หรือ 15 บาท..

รถโดยสารจะวิ่งตามเส้นทางสีแดง..ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร 

     จากตัวเมืองระยะทางไม่ไกลแต่ว่าต้องเสียเวลารอคอยจนกว่าผู้โดยสารจะเต็มหรือใกล้จะเต็มคนขับจึงเริ่มหมุนล้อ...

เมื่อมาถึงอินนานัมก็เป็นเวลาเกือบสี่โมงครึ่ง ... และเมื่อลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้านวัฒนธรรมจากคุณจ่าตำรวจแถวๆนั้นดู .. คุณจ่าก็บอกว่า "ไม่มีรถโดยสารจากที่นี่ไปหมู่บ้านวัฒนธรรมโดยตรง .. มีบางสายวิ่งไปทางเดียวกันแต่ว่าจะไปไม่ถึง..โดยทั่วไปแล้วบังจะต้องเหมาหรือไปโดยแท๊กซี่เท่านั้น " ..และที่สำคัญเขาเปิดให้ทัวร์เป็นรอบๆ ซึ่งหากคุณไปตอนนี้ก็เข้าไม่ได้แล้ว..เขาปิดแล้ว

และเมื่อได้รับข้อมูลเกือบครบถ้วน..ก็เลยต้องตัดสินใจถอนสมอและหันหัวกลับเข้าเมืองก่อนรถโดยสารประจำทางจะหมด..แต่อย่างไรก็ตามไหนๆก็มาถึงอินนานัมแล้ว...และเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว...ก่อนกลับก็เลยแวะเข้าไปชมตลาดเมืองนี้กันสักหน่อย..ว่ามีกิจกรรมอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง...


เต็นท์ตลาดนัดประจำเมืองอินนานัม 




เมื่อถึงตลาดแบตฯมือถือก็หมดพอดี...ก็เลยไม่สามารถเก็บภาพในตลาดสดมาฝากกันได้...เก็บภาพได้แค่เพียงร้านขายขนม 2 รูปดังภาพ


หลังจากเดินชมตลาดได้สักพักก็กลับเข้าเมืองด้วยรถประจำทางสายเดิม ..จากนั้นก็แวะหม่ำซีฟู๊ดที่เดิมก่อนเดินทางกลับเข้าโรงแรมที่พัก..เพื่อพักผ่อนเอาแรงสำหรับการเดินทางไปโปรเจ็คบนแท่นเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งวันต่อไป..


     หลังจากลงไปทำงาน-กินอยู่หลับนอน-อยู่บนแท่นได้ 18 วัน ก็เป็นอันว่าจบโปรเจ็กและก็ได้เวลากลับขึ้นฝั่ง ..
    และโดยทั่วไปแล้วเมื่อถึงฝั่งก็มักจะได้ตั๋วบินกลับในวันนั้นเลย ... แต่ว่าทริปนี้มีการผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อยซึ่งไม่ต้องบินกลับในวันเดียวกันและได้แสตนบายรอเที่ยวบินถัดไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ

    เมื่อมีเวลาหนึ่งวันเต็มๆก็ถือว่าเป็นอะไรที่เข้าทางอีกเช่นเคย...ดังนั้นวันรุ่งขึ้นจึงมุ่งหน้าตรงดิ่งไปยังจุดหมายที่เคยพลาดเป้าในครั้งก่อนนั้นคือหมู่บ้านวัฒนธรรมมารี่ มารี่

สำหรับเรืองราวของ Mari Mari  Culture Village  จะเป็นอย่างไรนั้นโปรดติดตามในตอนถัดไปนะครัช ..ซึ่งเสือน้อยจะได้นำภาพและเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง..


รูปตัวอย่างตอนต่อไป...




สรุป... วันนี้เที่ยวสนุกจัง หมดตังค์ประมาณหนึ่งพันกว่าๆ ...555


No comments:

Post a Comment