first time in PNG

ครั้งแรกที่ปาปัวนิวกินี...มีงง





ปาปัว นิวกีนีเป็นประเทศที่มีประชากรแยกออกเป็นชนเผ่าจำนวนมากและเป็นดินแดนที่มี ประวัติถึงเรื่องราวที่น่ากลัวติดอันดับต้นๆของโลก...ในอดีตเคยเป็นดินแดน ของนักล่าหัวคน (Headhunting) และกินเนื้อคนเป็นอาหาร...โดยจะมีการล่าหัวศรัตรูและชนเผ่าอื่นๆที่ปรปักรวม ถึงนักสำรวจที่โชคร้ายที่ได้ย่างกร่ายและหลงเข้าไปในพื้นที่ ...


แต่อย่างไรก็ตาม..อดีตก็คืออดีต.. ซึ่งแต่ละประเทศก็เคยมีประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่แตกต่างกัน...

ปาปัวนิวกีนีก็เช่นกันในอดีตนั้นเคยเป็นดินแดนที่น่าสะพึงกลัวและไม่มีใครอยากจะนำพาชีวิตเข้าไปเสี่ยง....แต่สำหรับวันนี้แล้วปาปานิวกินีได้มีการเปลี่ยนแปลงและมีการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนให้ดีขึ้นมาตามลำดับและไม่ได้น่าสะพึงกลัวจนถึงกับติดอันดับต้นๆของโลกเหมือนเช่นในอดีตอีกแล้ว..

   จากอดีตอันยาวนานที่ชาวขาวปาปัวฯ ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ทำให้ปาปัวฯมีป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติเช่นแก๊สและน้ำมันหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก...

    ปัจจุบันปาปัวฯได้มีการเปิดสัมปทานและให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งก็ทำให้มีชาวต่างชาติเข้าๆ ออกๆปาปัวฯ มากขึ้น    ซึ่งบ้างก็มาทำงานเกี่ยวกับการขุดเจาะและสำรวจน้ำมัน บ้างก็มาทำอุตสาหกรรมแปรรูปไม้และบ้างก็มาเที่ยวดูวัฒนธรรม ป่าเขาลำเนาไพร  รวมถึงไปดำน้ำดูความสวยงามของธรรมชาติใต้ท้องทะเลตามชายฝั่งและหมู่เกาะ ต่างๆที่อยู้หลายเกาะในอาณาเขตของปาปัวนิวกินี

     ณ วันนี้หากถามคนที่เคยไปเยือนปาปัวฯว่า...คนประเทศนี้ยังมีการล่าหัวและกิน เนื้อคนอยู่หรือเปล่า?แล้วละก็..ท่านก็อาจจะได้รับคำตอบแบบติดตลกตามภาษาวัย รุ่นว่า " สมัยนี้คนปาปัวฯ เขากินแม๊คแด๊gโค๊กแล้วจร้า"  ..





ช่วงปี พ.ศ. 2554...2556  เสือน้อยเคยไปมาแล้ว  4-5 ครั้ง

   และด้วยเพราะอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊สธรรมชาติดังที่กล่าวมาข้างต้นนี่เอง  ก็เลยทำให้เสือน้อยได้มีโอกาสมาเยือนประเทศแห่งนี้ถึง 4-5 ครั้ง ช่วงปี พ.ศ. 2554...2556    ซึ่งเป็นการเดินทางไปเซอร์วิซแท่นเจาะน้ำมัน (ซ่อมและแก้ปัญหาอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมัน) หรือบางครั้งก็เดินทางไปเพื่อทำการตรวจเช็คอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมันประจำปี (Annual Inspection)

   สำหรับการเดินทางครั้งแรกนั้นต้องบอกว่ารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสไปสัมผัสดินแดนมนุษย์กินคน...แต่เมื่อไปถึงกลับเจออะไรที่เป็นเรื่องงงๆ และขำๆ แทนเรื่องระทึกใจ


บินจากสิงคโปร์ด้วยสายการบินปาปัวฯแอร์ไลน์  http://www.airniugini.com.pg   ออกเดินทางประมาณสี่ทุ่มครึ่งที่สิงคโปร์และไปถึงสนามบิน Jacksons International Airport ประมาณตีห้าตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชัวโมงครึ่ง. 



  • เมื่อถึงสนามบินมี..งง..
        การเดินทริปนี้ก็จะคล้ายกับหลายๆครั้งดังที่เคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้  นั่นคือเมื่อเดินทางไปถึงสนานบินปลายทางก็จะมีตัวแทนจากฝ่ายลูกค้ามาคอยถือป้ายชื่อรอรับที่สนามบิน...และคอยให้ข้อมูลหรือให้ไกด์ไลน์ในการเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง

          และตามธรรมเนียมปฏิบัติ  เมื่อเห็นป้ายชื่อเราก็เข้าไปเซ ฮัลโหล  เพื่อยืนยันตัวตนต่อคนที่มาต้อนรับ


" ยู วิล โก  ทุมอ-โร  บาย ทุเดย์ อาฟเทอร์นูน "


    หลัง เซ ฮัลโล ทักทายกันเสร็จสับ... เจ้าคนที่มารับก็แจ้งว่า  " ยู วิล โก  ทุมอ-โร  บาย ทุเดย์ อาฟเทอร์นูน "  หรือประมาณว่า   You will  go tomorrow by  today afternoon  หรือแปลเป็นไทยก็จะได้ความว่า   คุณจะไปพรุ่งนี้ตอนบ่ายของวันนี้    

    เครื่องบินลงจอดตอนหกโมงเช้ากว่าๆ หรือประมาณแถวๆตีสามเมืองไทย... และด้วยความง่วงนอนบวกกับความงง  ก็เลยถามกับไปว่าตกลงจะไปวันนี้หรือพรุ่งนี้ ...... today or tomorrow ? 

    จากนั้นก็ขับรถพาไปพักผ่อนที่โรงแรมกลางใจพอร์ทมอรฺ์สบี (Port Moresby ) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนี้   เมื่อไปถึงโรงแรมก็ชี้ที่นาฬิกาพร้อมบอกว่าเวลาประมาณ 11.00 น. จะมารับกลับไปที่สนามบินอีกครั้ง

                       
     อะไรของมันว๊ะ (บ่น )   ไปพรุ่งนี้วันนี้ตอนบ่าย...  ตกลงแล้วตรูจะงงดีไหมนี่....????

      งงและก็งง...เอาว๊ะเอาไงเอากัน ถึงเวลาเอ็งมารับตรูก็แล้วกัน... จากนั้นก็หลับพักผ่อนเพื่อรอเวลา

      

  



    และเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็เป็นไปตามแพลน ... สิบเอ็ดโมงกว่าๆพี่แกขับรถมารับไปสนามบินอีกรอบ เพื่อบินต่อไปยังแท่นเจาะน้ำมันที่ตั้งอยู่บนยอดเขา




     ...พระเจ้าช่วยกล้วยทอด..


   และเมื่อเดินทางมาถึงปลายทางจึงถึงบางอ้อ....

เนื่องจากเมืองที่มาถึงนี้มีชื่อว่า MORO  (มอโร่)  .... ซึ่งที่ผ่านมาพี่แก (คนขับรถ) ตั้งใจจะสื่อสารว่า  You will go to MORO  by  today  afternoon..(คุณจะต้องเดินทางต่อไปเมืองมอโร่ตอนบ่ายวันนี้ ) 

แต่ด้วยการออกเสียงที่คล้ายกันมากก็เลยทำให้เราเข้าใจผิด และคิดว่า you will go  tomorrow   by today  afternoon.. ซึ่งก็เลยทำให้เข้าใจความหมายไปคนละทางเลย

กรำ....



สนามบินภาคสนาม ...Taxi way ยังเป็นทางหินและลูกรัง..


ภาพพาโนราม่า  ของไชต์งานที่อยู่บนยอดเขา


รูปนี้ถ่ายในสวนสัตว์   ถ่ายคู่กับคนดูแลสวนสัตว์ 



ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปประเทศนี้ 4-5  ครั้ง  และแต่ละครั้งก็จะออกแนวชาวบ้านๆและป่าเขาลำเนาไพรเสียเป็นส่วนใหญ่   ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพื่อนๆสนใจจะฟังต่อหรือเปล่า .... แต่หากท่านใดสนใจก็ขอเสียงหน่อยก็แล้วกัน ซึ่งก็จะได้นำภาพบางส่วนมาแบ่งปันให้ได้ชมกัน


จบ... งงปาปัว

No comments:

Post a Comment