Mayon Volcano

ทำงานท่ามกลางอ้อมกอดภูเขาไฟที่ฟิลิปปินส์


ภาพภูเขาไฟมายอนขณะกำลังระเบิดปะทุในปี ค.ศ. 1984  (ภาพประกอบจาก Wikipedia )



     ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อ 6 เมษายน 2015  เมื่อครั้งที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทให้ไปช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าซึ่งเป็นแท่นขุดเจาะไอน้ำ ที่เมืองเลกัสปี เกาะลูซอนประเทศฟิลิปปินส์ (เจาะเอาน้ำร้อนและไอน้ำใต้พื้นดินบริเวณไกล้ๆกับภูเขาไฟ เพื่อเอาไปเข้ากระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้า)


เที่ยวบินที่พาเสือน้อยบินเหินฟ้าจากสิงคโปร์ไปมะนิลา
 จุดเริ่มต้นของทริปนี้ก็เหมือนกันกับทุกๆทริปที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นออกเดินทางจากสิงคโปร์และบินตรงไปยังเมืองมะนิลาซึ่งเมืองหลวงของฟิลิปปินส์  จากนั้นก็ต่อสายการบินภายในประเทศไปลงที่เมืองเลกัสปี

จากสิงคโปร์ไปมะนิลาก็ใช้เวลาบินประมาณสามชั่วโมงครึ่ง  ไปถึงมะนิลาก็ประมาณแถวๆตีสี่ตามเวลาท้องถิ่น  จากนั้นเวลาประมาณเก้าโมงเช้าก็บินต่อไปที่เมืองเลกัสปี ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางอีกหนึ่งชั่วโมง

ที่สนามบินมะนิลา:   บริเวณสายพานรับกระเป๋า ...(บ่น) คนที่นี่แปลกอย่างหนึ่งคือประมาณว่าเกือบทั้งหมดจะมายืนประชิดติดสายพานกันหมดเลย     พี่ท่านยืนบังสายพานหมดเลยทำเอาคนที่อยู่ด้านหลังมองแทบไม่เห็นกระเป๋าของตัวเองเลย

มื้อเช้าที่สนามบิน ระหว่างรอเครื่องเพื่อบินต่อไปเมืองเลกัสปิ (มินิพิชซ่า กับ ข้าวหมูกระเทียม +  กาแฟดำ)


มองจากหน้าต่างระหว่างบินจากมะนิลาไปเมืองกัสปิ

มาถึงสนามบินเมืองเลกัสปี  ซึ่งจะเห็นภูเขาไฟมายอนเป็นฉากหลัง  ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยมาก  แต่ทว่าวันนี้มองไม่เห็นยอดเขาเนื่องจากโดนเมฆหมอกบัง ( ปกติจะสวยมาก)

แท๊กซี่หน้าสนามบิน  (มอไซต์สามล้อ)

บริเวณหน้าสนามบิน ซึ่งก็จะมีแท๊กซิ่และรถโดยสารมาให้บริการ รวมถึงมอไซต์สามล้อซึ่งเป็นแท๊กซี่ราคาประหยัด  ( 30-40 เปโซ สำหรับการเดินทางเข้าเมืองในระยะทาง 3-5 กิโลเมตร)

ทริปนี้ของเสือน้อยเมื่อออกจากสนามบินได้ก็เดินทางต่อด้วยรถตู้ของลูกค้าที่มารอรับ จากนั้นก็เดินต่อไปที่แค้มป์ที่พักของทีมงานขุดเจาะไอน้ำซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองซอร์โซกอน (Sorsogon)  ซึ่งก็ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงเศษ
รูปภูเขามายอน(ถ่ายบนรถ)ช่วงที่ท้องฟ้าไม่มีเมฆบังซึ่งก็จะเห็นเป็นรูปทรงที่สวยงามและเป็นรูปกรวยที่สมบูรณ์



จากสนามบินหลังจากล้อหมุนผ่านไปสองชั่วโมงเศษๆ ก็เดินทางมาถึงบริเวณแค้มป์ที่พัก

บริเวณปากทางเข้าแค้มป์ซึ่งจะมีวนเวียนรูปวาล์วควบคุมไอน้ำขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์

เช็คอินเข้าแค้มป์ที่พัก ซึ่งเป็นตู้คอนเทรนเนอร์ดัดแปลงเป็นออฟฟิศและห้องพักตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาซึ่งระงมไปด้วยเสียงเสียงกบเขียดและจักจั่นเรไรในยามค่ำคืน


 ทริปนี้เดินทางมาถึงแค้มป์ที่พักตอนบ่ายๆ และใช้เวลาเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน... วันนี้ก็เลยถือโอกาสพักผ่อนเอาแรงก่อนแล้วค่อยไปเริ่มงานเอาตอนเช้าวันใหม่ 

แท่นเจาะไอน้ำ  ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา

สถานที่ทำงานครานี้บรรยากาศดีมาก  ...ด้านหนึ่งเป็นภูเขาไฟมายอน (Mayon) ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นภูเขาไฟบูลูซัน (Bulusan)  ประมาณว่าโลเคชั่นตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของภูเขาไฟเลยที่เดียว
งานที่รับผิดชอบ  ชุดควบคุมความเร็วและแรงบิดมอเตอร์ (VFD )



หลังจากกินอยู่หลับนอนและทำงานอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของอดีตภูเขาไฟได้ 9 คืนก็เป็นอันว่าเสร็จงานและได้เวลาปิดจ๊อบและได้เวลาเดินทางกลับฐาน

ปกติเที่ยวบินสำหรับเดินทางกลับมะนิลานั้นจะเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ และจะเดินทางออกจากแค๊มป์หลังมื้อเที่ยง   แต่ด้วยเหตุที่ว่ายานพาหนะในแค้มป์ในวันนี้มีจำกัด  ดังนั้นก็เลยต้องเดินทางออกจากแค้มป์มาสนามบินพร้อมๆกับกลุ่มที่บินช่วงเช้า

เดินทางออกจาแค้มป์หกโมงเช้าและมาถึงสนามบินประมาณแปดโมงเศษๆ และมีเวลาเหลืออีกหกชั่วกว่าๆโดยประมาณ  

เวลาเหลือเยอะ .... จะทำอย่างไรดี ?  สนามบินก็เล็กนิดเดียวแถมเน็ทก็ไม่มี ...แบบนี้เหงาแย่เลยตรู !!


ก็ทางอยู่ที่ปากนี่นาอยากรู้อะไรก็ถามซิ  จะรออะไรอยู่ละ ? (คิดในใจ)

และหลังจากไล่ยิงคำถามไปหนึ่งชุด  ก็สรุปได้ว่าที่เมืองๆนี้นอกจากจะมีภูเขามายอนที่เป็นเอกลักษณ์แล้วก็ยังมีโบราณสถานที่มีชื่อเสียงอยู่อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินซึ่งมีชื่อว่า Cagsawa Ruins 

.....เมื่อสามารถรวบรวมข้อมูลและคำนวนเวลาแล้ว   ก็เป็นว่าได้ฤกษ์ออกเดินทาง

Jeepney.... มาฟิลิปปินส์หากไม่ได้นั่งจิ๊ปนี่ ก็ถือว่าขาดอะไรไปอย่าง  ...
คำนวนเวลาดูแล้วคิดว่าน่าจะเหลือเพือสำหรับการเดินทางด้วยรถโดยสาร  การเดินทางเที่ยวนี้ก็เลยตัดสินใจใช้บริการจิ๊ปนี่ดู ... ระยะทางห่างจากสนามบินไปประมาณ 6 กิโลฯ แต่ว่าไม่มีรถที่วิ่งตรงจากสนามบิน   ซึ่งกว่าจะไปถึง Cagsawa Ruins  ก็ต้องต่อรถถึงสามต่อ 


เพื่อนร่วมเดินทางไปกับจิ๊ปนี่

  และแล้วก็มาถึงที่หมายซึ่งเป็นโบราณสถาน  คากาวะ  (Cagsawa Ruins) ซึ่งเป็นโบถส์เก่าแก่ ( นั่งรถจากสนามบินมาสามต่อและใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งชั่วโมงโดยประมาณ)
คากาวะ  (Cagsawa Ruins) แลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองนี้ ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขามายอน

อีกมุมหนึ่งของ Cagsawa Ruins



เมื่องนี้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับพริก  เลยมีการทำไอศครีมรสพริกออกมาจำหน่ายซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองที่ต้องลอง

  • เมื่อเที่ยวเสร็จท้องใส้ก็เริ่มเริ่มโอดครวญ


หลังจากเวลาผ่านไปสามชั่วโมงกว่าๆ  ระหว่างนั่งรถกลับสนามบินท้องใส้ก็เริ่มโอดครวญเป็นระยะๆ 

ดังนั้นเพื่อความเป็นศิริมงคล ก่อนที่จะเช็คอิน ก็เลยถือโอกาสแวะเติมพลังที่ร้าน Mr. Crab ที่อยู่ด้านหน้าสนามบินเสียก่อน




 เมื่อเข้ามาร้าน มิสเตอร์เครป(ร้านนายปู) ก็เลยสั่งเมนูแนะนำมาชิม ซึ่งเป็นปูทอดผัดกระเทียมพริกไทย แล้วตามด้วยอะไรอีกสักอย่างที่หน้าตาคล้ายห่อหมก ดังรูป

"กินไปบ่นไป"

ตอนหิวๆอะไรๆก็หวด  แต่พอกินไปสักหน่อยเริ่มก็เริ่มออกอาการเลี่ยนๆ เนื่องอาหารที่สั่งมานั้นต้องบอกว่าไม่หรอย    no car  no nation (556)   รสชาติจืดมากและอกมันๆอีกตะหาก   ดังนั้นเมื่อกระเพาะเริ่มหนักก็จะเริ่มออกอาการเลี่ยนๆและอยากจะ....ขึ้นมาทันที

มื้อนี้เลือกฝากท้องไว้กับ Mr. Crab  

หลังจากหม่ำเสร็จก็ได้เวลาเช็คอินและบินกลับมาที่มะนิลา และบินจากมะนิลากลับฐานที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นการจบทริปด้วยความความปลอดภัยและประทับใจที่ได้มาทำงานและมีโอกาสได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  ! 


ชมคลิป



_/|\_ thanks ทุกๆคนที่มีส่วนร่วมที่ทำให้เกิดการเดินทางในครั้งนี้ และขอบเพื่อนๆที่ติดตาม  _/|\_


      แผนที่ประกอบ:



ข้อมูลภูเขาไฟทั้งสอง

"ภูเขาไฟมายอน (อังกฤษ: Mayon Volcano) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ บนเกาะลูซอน อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ภูเขาไฟมายอนเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ เคยเกิดระเบิดมาแล้ว 40 ครั้ง ในรอบ 400 ปีที่ผ่านมา รูปทรงภูเขาเป็นรูปสมมาตรที่สวยงาม มีความสูง 2,462 เมตร โดยครั้งล่าสุดเกิดระเบิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1984"


ภูเขาไฟบูลูซาน(Bulusan Volcano) เป็นภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ที่พิกัด 12.77°N 124.05°E บนเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ ถัดจากภูเขาไฟอีกลูกหนึ่งคือมายอน ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 70 กิโลเมตร ภูเขาไฟลูกนี้จัดอยู่ในกลุ่มภูเขาไฟ 23 ลูกที่ยังไม่มอดของฟิลิปปินส์ บูลูซานมีอายุราว 40,000 ปี มีความสูง 1,565 เมตรจากระดับน้ำทะเลมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 15 กิโลเมตร   อ่านต่อ => ภูเขาไฟบูลูซาน

 

No comments:

Post a Comment