Lebong,indonesia

ครั้งหนึ่งที่เลบอง (Lebong)


    ทริปนี้เกิดเมื่อปลายเดือนเดือนมิถุนายน 2013   โดยได้รับมอบหมายให้ไปช่วยทำการ inspection  หรือตรวจสภาพของ VDF ที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำมันที่เคลื่อนย้ายจากเกาะชวาและมาติดตั้งที่เมืองเลบองซึ่งอยู่ในพื้นที่ของเกาะสุมาตรา

    สาเหตุที่ต้องทำการตรวจสุขภาพหรือ Healthy check  ก็เนื่องจากเพราะตู้คอนเทรนเนอร์ที่บรรจุอุปกรณ์เหล่านี้ได้ลื่นไถลร่วงตกจากรถหัวลากในระหว่างที่ทำการเคลื่อนย้ายซึ่งได้ร่วงตกก่อนที่จะมาถึงจุดที่จะทำการติดตั้ง

    ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตู้คอนเทรนเนอร์นี้ลื่นไถลตกจากรถหัวลากนั้นก็น่าจะมาจากปัญหาเรื่องทางและถนนซึ่งเป็นทางเนินเขาที่มีความลาดชันและคดเคี้ยวไปมานอกจากนั้นก็ยังประกอบด้วยโค้งหักศอกอีกหลายแห่งด้วยกันก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง  และจุดที่ตู้ตกจากรถหัวลากนั้นก็เป็นบริเวณโค้งหักศอกซึ่งถือว่าเป็นงานที่ยากสำหรับคนขับรถหัวลาก

     แท่นนี้เดิมทีเป็นแท่นขุดเจาะน้ำมันและทำการขุดเจาะน้ำมันอยู่บนเกาะชวา และหลังจากนั้นก็ได้รับการว่าจ้างให้มาทำการขุดเจาะน้ำร้อนและไอน้ำใต้พื้นดินในแถบบริเวณอตีดภูเขาเพื่อป้อนให้กับโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานความร้อน  เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า

    
      การเดินทางก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างหนุกหนานปนเมื่อย เพราะต้องเดินทางถึงสามต่อ โดยเริ่มออกเดินทางจากสิงคโปร์ไปที่สนามบินจาการ์ต้า   จากนั้นก็นั่งสายการบินภายในประเทศไปที่สนามบินเบงกูลู (Bengkulu) ซึ่งเป็นจังหวัดทางตอนใต้ของเกาะสุมาตราฝั่งตะวันตก  จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่เมืองเลบอง (Lebong) ตามลำดับ




 ไอ้ที่ว่าเมื่อยที่สุดนั้นก็คงเป็นช่วงที่เดินทางโดยรถยนต์นี่แหละ เพราะเนื่องจากสภาพถนนที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ตลอดเส้นทาง  ซึ่งเป็นถนนสองเลนซ์เล็กๆที่ต้องวิ่งผ่านหมู่บ้านและตัวเมืองเป็นช่วงๆ และหลังหลุดจากหมู่บ้านหรือตัวเมืองได้ก็จะเป็นเส้นทางคดเคี้ยวลัดเลาะตามเนินเขา  ซึ่งกว่าจะถึงก็ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว

ระยะทางจากเบงกูลูไปเลบองนั้นก็ประมาณแค่สี่ร้อยกิโลฯกว่าๆ ซึ่งก็ไม่ถือว่าอยู่ในระยะกลางๆไม่ไกลมาก  แต่ทว่าต้องใช้เวลาเดินทางถึงหกชั่วโมงกว่าๆกันเลยทีเดียว  ซึ่งกว่าจะถึงปลายทางได้ก็ทำเอาเมื่อยล้าไปตามๆกันเลยทีเดียว


ออกเดินทางจากเบงกูลูตอนบ่ายๆ กว่าจะไปถึงก็เประมาณสองสามทุ่ม ซึ่งก็มึดและใกล้เวลานอนพอดี ... จากนั้นก็เช็คอินเข้าโรงแรมที่พักซึ่งลูกค้าได้จองไว้ให้  ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดเล็ก 2-3 ดาว แต่ทว่าน่าจะเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของย่านนั้นเนื่องจากเมืองนี้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวและไม่มีคนต่างถิ่นมาเยือนสักเท่าไหร่  ....


ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน  คืนนั้นเลยนอนเฝ้าพระอินทร์ได้ยาวเลยแบบที่ไม่รู้สึกว่าแปลกที่  และตื่นขึ้นมาพบกับเช้าวันใหม่ที่สดชื่นพร้อมกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า

   หลังหม่ำมื้อเช้าที่โรงแรมเรียบร้อย ก็ทำการออกเดินทางด้วยรถยนต์ไปที่ไชต์งาน ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ....

    วันแรกที่ไปถึงนั้นสถาพไชต์งานยังไม่ค่อยพร้อมให้ทำงานสักเท่าไหร่ สิ่งที่พอทำได้ขณะนั้นก็เพียงแค่ Visual Inspection หรือประมาณว่าทำการตรวจเช็คสภาพด้วยสายตาเป็นหลัก  และหลังจากทีมงานได้ทำการติดตั้งเสร็จและจ่ายไฟไห้จึงได้ทำการทดสอบฟังก์ชั่นการทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย

     เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆช่อนตัวอยู่ในหุบเขาและไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว  ดังนั้นจึงไม่มีอะไรมาฝากกันมากนัก  ซึ่งมีเพียงสภาพความเป็นอยู่แบบชาวบ้านๆของชาวสุมาตราเล็กๆน้อยๆดังนี้
    

สภาพไชต์ที่ตั้งอยู่บนเนินภูเขาไฟพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างกำลังรอการติดตั้ง  เพื่อทำการขุดเจาะไอน้ำจากใต้ดินบริเวณภูเขาไฟ



ชาวบ้านในแถบนั้นซึ่งมีอาชีพเก็บเมล็ดกาแฟ  นั่งรอเวลากลับบ้านอยู่ใกล้ๆบริเวณแท่นเจาะฯ

 
ต้นกาแฟ

เส้ทางจากที่ใช้เดินทางจากไชต์งานไปยังหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ (ขึ้นเขา ลงเขา)

ด้านบนคือเส้นทางขึ้นเขาลงเขา  และเมื่อลงเขามาได้แล้วก็ต้องเดินทางต่อจากหมู่บ้านชาญเมืองกลับไปยังที่พักที่โรงแรม  ซึ่งสองข้างทางก็มีสภาพคร่างๆดังนี้

ชาวบ้านแถบนี้ส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่กาแฟ  ทุกๆเช้าก็จะเห็นชาวบ้านเตรียมตัวออกไปทำงานและเก็บเมล็ดกาแฟที่ไร่

สภาพบ้านเรือนตามสภาปัตยกรรมของชาวสุมาตรา


บ้านที่กำลังทำพิธีแต่งงาน

ซอกแซกศักดิ์ เข้าไปแอบถ่ายรูปภายในบ้านที่กำลังจะทำพิธีแต่งงาน ซึ่งอยู่ระหว่างตกแต่ง


    และหลังจากทำการตรวจสุขภาพและทดสอบฟังก์ชั่นระบบได้ประมาณ 2-3  ก็เป็นอันว่าเสร็จงานและปิดจ๊อบพร้อมส่งรายงานหรือเซอร์วิซรีพอร์ตให้ลูกค้าเซ็นต์   พร้อมกับเดินทางกลับย้อนลอยทางเดิมซึ่งเป็นทางเสือผ่านเมื่อตอนขามาและมานอนพักที่โรงแรมในเมืองเบงกูลู ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน
วงเวียนรูปม้า บริเวณถนนสายหลักในตัวเมืองเบงกูลู  ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พัก

เมืองเบงกูลูนี้ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงเรืองของดอกไม้ยักษ์ ซึ่งเรียกว่า Bengkulu Flower  ซึ่งมักจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากช่วงฤดูดอกไม้บาน 

ตัวอย่างดอกเบงกูลู ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำเมืองนี้ ... ภาพประกอบจากกลูเกิล

ตั๋วขากลับ จากจาการ์ต้าบินกลับฐานที่สิงคโปร

แต่ทว่าทริปนี้มาถึงโรงแรมที่พักก็ใกล้ค่ำอีกแล้ว  จึงไม่มีโอกาสได้ไปกับทัวร์ ทริปนี้จึงได้แต่ออกไปหม่ำมื้อเย็นและเดินดูร้านขายของที่ระลึกในตัวเมืองและที่บริเวณที่ใกล้กับโรงแรมแรม  จากนั้นก็กลับเข้านอนด้วยอารมณ์หงาวๆ  และบินกลับจาการ์ต้าและบินกลับสิงคโปร์ ตามลำดับ

....the end....... thanks ที่ติดตาม...

No comments:

Post a Comment