ต่อจากเมื่อวาน...
หลังจากที่ตะลอนๆมาทั้งวันแล้ว หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จเราก็ไม่ได้ไปไหนต่อและเข้าสู่โหมดการเฝ้าพระอินทร์จนกระทั่งถึงเช้า
ตื่นเช้ามาหลังอาบน้ำอาบท่าเรียกความสดชื่นแล้วก็ออกมานั่งจิบกาแฟและทานอาหารเช้าพร้อมทั้งเข้าสู่โหมดการสนทนากับเพื่อนๆที่พักในเกสเฮ้าท์ด้วยกัน เพื่อแชร์ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง
ตามแพลนของวันนี้ (20 พ.ย. 2559) ตั้งใจว่าจะเข้าไปเก็บรายละเอียดในพิพิธภัณฑ์และเข้าชมภายในวังทอง(Bagan Golden Palace) ดังที่ได้เอ่ยถึงไว้ตอนที่แล้ว
แต่หลังจากได้พูดคุยกับเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาจากมัณฑะเลย์ด้วยกันซึ่งเป็นวิศกรคู่สามีภรรยาชาวฮังการี ( สามีวิศวโยธา ภรรยาวิศวเครืองกล) ก็เลยต้องมีการปรับแพลนกันใหม่
โดยทั่วในวงสนทนานอกเหนือจากการประสบการณ์กันแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็ " วันนี้ยูแพลนจะไปไหนต่อ? "
"I plan to go to Mount Popa ... ฉันวางแผนที่ไปภูเขาโปปา " คือคำตอบที่ได้รับจากเพื่อนร่วมทาง
Mount Popa มันคืออะไร? มันอยู่ไหนอย่างไร ? และมีทีเด็ดอะไร? คำถามตามมาเป็นชุดหลังจากได้ยินคำตอบจากเพือนร่วมทาง
ตรูไปด้วย .... หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าคร่าว ๆ หลังจากนั้นก็ทำการติดต่อจองรถกับเจ้าหน้าที่เกสเฮาท์ ราคาค่ารถตู้ไปกลับ ก็คนละประมาณ 10,000 จ๊าด หรือ 300 บาท
ระยะทางจากพุกามประมาณห้าสิบกว่ากิโล
ลิงค์รายละเอียดเกี่ยวกับภูเขาโปปา => Mount Popa
เก้าโมงเช้ากว่าๆ ล้อรถตู้เริ่มหมุนออกจากเกสเฮ้าส์ จากนั้นก็ไปจอดพักและดูการทำน้ำตาลของชาวบ้านและผลผลิตจากน้ำตาลโตนด
![]() |
สาธิตการบีบเอาน้ำมันจากเมล็ดพืช |
![]() |
ผลผลิตจากน้ำตาลและน้ำตาลสด (ตาลโตนด) |
![]() |
แม่บ้านทำกับข้าว |
![]() |
เตาเคี่ยวน้ำตาล |
![]() |
ชุดรับแขก โต๊ะเก้าอี ทำจากต้นตาล |
หลังยุดพักเยี่ยมชมและชิมประมาณ 20 นาที ก็เดินทางต่อไปยังเม้าท์โปปา ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางต่อไปอีกประมาณเกือบชั่วโมง
![]() |
วัดตุง คาลัท (Taung Kalat Temple) บนยอดเขาซึ่งมองจากจุดชมวิวที่เนินเขา |
![]() |
เมือซูมเข้าไปใกล้ๆจากจุดชมวิวที่เนินเขา ก็จะเห็นเจดีย์เหลืออร่าม |
ประวัติคร่าวๆ :
โปปาเป็นอดีตภูเขาไฟที่ดับแล้วและสูงประมาณ 4981 ฟุต อยู่ห่างจากเมืองพุกามไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร ....... ภูเขามีความสูงมากๆและบนยอดยังเป็นที่ตั้งของ "วัดตุง คาลัท" (Taung Kalat Temple) ...... วัดที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองพุกามซึ่งสามารถเห็นยอดเจดีย์เหลืองอร่ามตั้งอยู่บนยอดเขาเวลามองในระยไกลๆ
ตามความเชื่อดั้งเดิมของประชาชนชาวพม่านั้นเชื่อกันว่าภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่สิงสถิตของบรรดาเทวดาและนัตทั้งหลาย..... เขาโปปา (Mount Popa) ชื่อนี้มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤตแปลว่าดอกจำปา เนื่องจากในอดีตบริเวณภูเขาลูกนี้เคยมีต้นจำปาขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากหรือเรียกอีกชื่อว่า “ภูเขาดอกจำปา”
ส่วนเรื่องความเชื่อและความศรัทธาอื่นๆ รวมเรื่องราวแบบเต็มๆอ่านต่อได้จากลิงค์ต่อไปนี้
Cr: http://burma-travel.blogspot.com
![]() | |
พระพุทธรูป |
![]() |
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่นับถือของคนพม่า |
![]() |
พระพุทธรูปและเทพต่างๆที่ชาวพม่านับถือ |
![]() |
มาถึงก็เป็นช่วงเวลาที่พระกำลังฉันเพลพอดี |
![]() |
นักท่องเที่ยว(แต่งชุดพม่า)กำลังดูทัศนียภาพบริเวณรอบๆเนินเขา |
![]() |
หมู่บ้านที่อยู่บนเนินเขา |
ทางขึ้นวัดบนยอดเขานี้จะค่อนข้างสูงมากและต้องขึ้นบรรไดถึง 777 ขั้นตลอดสองเส้นทางก็จะมีไอ้จ๋อมาคอยต้อนรับอยู่เป็นระยะๆ .... และกว่าจะขึ้นไปถึงก็ทำเอาหอบแฮกๆไปหลายรอบเลยทีเดียว
![]() |
ภาพประกอบจากกูเกิ้ล |
การขึ้นเขาครั้งนี้ถือว่าเป็นการเข้าสู่โหมดการเผาพลาญพลังงานได้ดีทีเดียว ..... หลังจากขึ้นไปถึงยอดเขาและถึงวัดไม่นานระบบย่อยก็ทำงานหนักทันที ทำเอาถึงกับหิวขาสั่นตอนขาลง
ตอนขาขึ้นยังรู้สึกดี เห็นแม่ค้าขายของกินอยู่ที่เนินเขายังรู้สึกเฉยๆและออกอาการเมินๆ ..
แต่พอขากลับลงมาต้องบอกว่าคนละอารมณ์เลย...อะไรที่ดูหยำแหยะจนอยากเมินหน้าหนีตอนขาขึ้น กลับกลายเป็นอะไรก็สดชื่น และหวดไปหลายรายการ
![]() |
ยำมะละกอ .... ของแท้ต้องใช้มือยำ และขยำจนหยำแหยะ ช่วงขาขึ้นดูแล้วอยากปิดตา แต่ตอนลงขาสั่น หวดไม่เหลือ 556 |
![]() |
อะไรก็รู้หน้าตาคล้ายแกงจีดวุ้นเส้น อีกหนึ่งเมนูของกินยอดฮิต |
![]() |
ขาสั่นไม่ไหวแล้ว หวดก่อน |
ขึ้น-ลง เที่ยวชม+สักการะสิ่งศักดิ์ รวมถึงเดินดูร้านขายของที่ระลึก หลงจ๊งแล้วก็ใช้เวลาอยู่กับที่นี่หนึ่งชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็เดินทางกลับโดยจอดแวะตลาดชาวบ้านที่ตั้งอยู่บนเนินเขานิดหน่อย (ประมาณ 20 นาท)
![]() |
วงเวียนบริเวณตลาดเนินเขา |
ออกจากตลาดที่เนินเขาโปปาเวลา 14.45 น และกลับมาถึงทีพักประมาณบ่ายสองโมงจากนั้นก็ทำการเช่ามอไชต์และขี่เที่ยวชมเจดีย์และสถานที่ต่างๆที่ยังเหลือต่อจากเมื่อวานซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางด้านขวามือของถนนจากเกสท์เฮ้าท์ไปทะเลเจดีย์
จุดแรกเราไปเริ่มที่เจดีย์ชเวกูจีพญา (Shwegu Gyi Phaya) หรือวัดถ้าทอง ตามด้วยเจดีย์เจดีย์สัพพัญญู หรือ วัดถัดบินยู (That Bin Nyu) จากนั้นก็ใช้มอไชต์ขี่ซอกแซกไปตามถนนเล็กๆ ตามไปดูวัดเก่าๆเจดีย์เล็กเจดีย์น้อยที่อยูรอบๆบริเวณแถบนั้นอีกหลายแห่งด้วยกัน
![]() |
Minochantha |
จากบ่ายสองโมงจนถึงห้าโมงเย็นที่วัด Minochantha และตั้งใจว่าจะพอและจบทริปสำหรับพุกามที่นี่
และระหว่างที่ขี่รถกลับที่พัก ก็บังเอิญแอบไปเห็นทางเดินเล็กๆ สำหรับคนเดินและเพียงพอสำหรับมอไชต์วิ่งได้ และสามารถมองเห็นเจดีย์ตั้งอยู่กลางไร่อีกสองสามจุด เราก็เลยวัดดวงเสี่ยงขี่รถตามไปดู
ระหว่างทางก็เจอเจดีย์ Khaymingha และ Oak Kyuang Gyi ซึ่งตั้งอยู่กลางไร่พืชสวน
ดูเผินๆเหมือนไม่มีอะไรในกอใผ่ แต่เมื่อขี่รถเข้าไปใกล้ๆ Oak Kyuang Gyi ก็จะพบว่ามีรถยนตส่วนบุคลและมอไชต์มาจอดอยู่ใกล้ๆ เราก็เลยตัดสินใจเดินตามรอยเท้าคนอื่นๆไป และเมื่อถึงเจดีย์จึงรู้ว่าที่นี่คือจุดสำหรับดูพระอาทิตย์ตกดินที่สำคัญอีกแห่งหนึงเลยที่เดียว ...
![]() |
จุดนี้เป็นความทรงจำที่ดี บรรยากาศฟินมาก มีนักท่องเที่ยว(ฝรั่ง) นำหีบเพลงขึ้นมาบรรเลงดนตรีประกอบตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดินด้วย |
![]() |
พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเวลา 17.21 น. |
![]() |
เก็บหลักฐาน เวลา 17.23 น |
หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้วก็เริ่มมืดและมองไม่ค่อยเห็นทาง ถึงตรงนี้เราก็เลยตัดสินใจหันหัวมอไชต์กลับที่พักและเป็นอันว่าจบทริปสำหรับเมืองพุกามไว้ที่นี่
เมื่อถึงที่พักก็จัดการอาบน้ำอาบท่า เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า และไปสั่งอาหารมื้อเย็นที่ร้านอาหารที่อยู่ข้างๆเกสท์เฮ้าท์ และเตรียมตัวเดินทางกลับมาจบทริปที่เมืองกุ้ง
พบกันใหม่ในตอนต่อไป วันที่ 5 วัดสุดท้ายทิ้งทวนที่เมืองย่างกุ้ง ก่อนบินกลับไทย !
Thanks ที่ติดตาม...............................
No comments:
Post a Comment