บังคลาเทศ ตอน"ร่วมสร้างสรรค์ประตูทอง "
ท่าเรือพาณิชย์เปรียบเสมือนประตูทอง เนื่องจากเป็นทางผ่านของการนำเข้าและส่งออกสินค้าที่สำคัญของแต่ละประเทศ ช่วงนี้*มีโอกาสได้มาทำโปรเจ็คสำคัญร่วมกับชาวบังคลาเทศ จึงอยากเล่าสู่กันฟังและเก็บภาพบางส่วนมาฝาก
* เนื่องจากเป็นเรื่องเล่าเก่าๆ ... คำว่าช่วงนี้ก็จะหมายถึง กันยายน 2005
- การเดินทาง: การเดินทางก็บินตรงจากสนามบินดอนเมือง (เมื่อ 8 ปีกว่าที่แล้วสนามบินหนองงูเห่ายังสร้างไม่เสร็จ) ไปลงที่สนามบินเมืองจิตตะกอง (Shah Amanat International Airport) โดยสายการบินไทย ( Thai Airway )
หลังเสร็จสิ้นการอบรมจากบริษัทมิตซูบิชิ ที่เมืองฮิโรซิม่า
ช่วงต้นเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2005 ที่ผ่านมา จากนั้นก็เดินทางมาทำงานที่บังคลาเทศ ที่ท่าเรือเมืองจิตตะกอง (Chittagong Port ) ซึ่งเป็นจ้าของโปรเจ็ค ในตำแหน่งวิศวกรไฟฟ้าอาวุโส (Sr. Electrical Engineer) โดยทำหน้าที่ดูแลระบบไฟฟ้าและระบบควบคุมเครนยกตู้สินค้า
สโคปงานของโปรเจ็คนี้ก็เริ่มตั้งแต่การติดต่อประสานงานและดูแลทีมทำงานเพื่อทำร่วมกับตัวแทนเจ้าของเครื่องจักรในการติดตั้ง (Installation) , Commissioning , Endurance Testing และอื่นๆ รวมถึงงานซ่อมบำรุงระบบ (Maintenance) ซึ่งทางบริษัทที่ผมสังกัดอยู่ได้รับการว่าจ้างให้ดูแลระบบจากทางการท่าเรือจิตตะกอง
โปรเจ็คนี้เป็นถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวบังคลาเทศ ที่มีจะได้มีโอกาสใช้เครนมาตรฐานในการยกตู้สินค้าขึ้นลงจากเรือ เนื่องจากเป็นเครนล๊อตแรกหรือชุดแรกที่มีซื้อและนำเข้ามาติดตั้งเพื่ออำนวยความสะดวกในงานขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์จากเรือสินค้าในท่าเทียบเรือเอนกประสงค์ ( Multipurpose berth) ของท่าเรือจิตตะกองและถือว่าเป็นล๊อตแรกของประเทศบังคลาเทศด้วย..
- เรืองทั่วไปเกี่ยวกับเมืองจิตตะกอง
ลักษณะของท่าเรือเมืองจิตตะกอง ก็จะคล้ายๆกับท่าเรือคลองเตยที่กรุงเทพของไทยเรา กล่าวคือจะตั้งตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายหลักไหลผ่านกลางตัวเมือง ซึ่งระบบเดิมๆของท่าเรื่อแห่งนี้จะไม่มีเครนแบบนี้มาก่อน แต่จะใช้เครนที่ติดมากับเรือสินค้าเป็นเครื่องมือในจับตู้สินค้า ซึ่งกว่าจะ Load หรือ Unload หมดทั้งลำเรือก็ใช้เวลานานโขพอสมควร ซึ่งจะแตกต่างกับเครนประเภทนี้ซึ่งสามารถยกตู้ได้ 20-30 ตู้ต่อชั่วโมง
เมืองจิตตะกอง (ชื่อดูคล้ายๆกับภาษาพม่า) ถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางเศรฐกิจของบังคลาเทศ ตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศและอยู่ใกล้กับปากอ่าวเบงกอล (Bengal Bay) ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเมืองจะตั้งขนานกับแม่น้ำคาร์นาฟูลีที่ไหลผ่านตัวเมือง (คล้ายๆกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านกรุงเทพฯ) โดยสินค้าที่ขนส่งมาที่นี่จะถูกกระจายต่อไปยังผู้บริโภคในบังคลาเทศและเพื่อนบ้านอื่นๆเช่น ภูฏาน เนปาล และบริเวณรอบซึ่งเป็นรัฐต่างๆของอินที่อยู่รอบๆประเทศบังกลาเทศ
15 กันยายน 2005 เครนเดินทางมาจากเมืองฮิโรชิม่าและมาถึงปากแม่น้ำเมืองจิตตะกอง ผมและทีมงานนั่งเรือออกไปนำร่องเข้าฝั่ง
|
ลูกทีม (ในกรอบสีแดง) พร้อมทั้งแขกมุง มารอให้การต้อนรับ เครนชุดแรกที่จะมาถึงบังคลาเทศ |
|
เครนมาถึงฝั่งและเที่ยบท่ารอการ Discharge |
|
เมื่อน้ำขึ้นได้ระดับ (สูงกว่าฝั่งบกนิดหน่อย) ก็ทำการดึงเครนขึ้นฝั่ง |
|
พาดรางต่อจากเรือและรอจังน้ำขึ้น เพื่อระดับเรือบรรทุกเครนสูงกว่าระดับของท่าเรือจากนั้นก็ค่อยๆดึงเครนให้เคลื่อนที่มาตามราง |
|
ซาไก ซัง .... Supervisor ฝั่งซัพพลายเออร์ ผู้ซึ่งคล่ำหวอดอยู่ในวงการเครนมาอย่างยาวนานและเป็นผู้ควบคุมการเกมส์ทั้งหมดของโปรเจ็คนี้ |
|
ขึ้นฝั่งมาได้แล้ว 1 ตัว ที่เหลือรอคิว |
*** การเอาเครนชุดขึ้นจากเรือ (discharge) จะใช้วิธีแบบเก่า โดยการประกอบรางเครนพาดต่อจากเรือเข้าหาฝั่ง และรอจังหวะช่วงน้ำขึ้น-น้ำลง เพื่อการดึงเครนขึ้นฝั่ง ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าทั่วๆไป
|
เครนขึ้นฝั่งหมดเรียบร้อย ....บาร์จ (Barge) ที่บรรทุกเครนมาก็เหลือแต่ความว่างเปล่า |
เมื่อเครนขึ้นฝั่งหมดเรียบร้อย จากนั้นก็เป็นการประกอบองค์ประกอบอื่นๆเข้ากับโครงสร้างหลัก พร้อมกับทำการ Commissioning และทำ Endurance Test และส่งมอบโปรเจ็คให้กับการท่าเรือจิตตะกอง ซึ่งเป็นเจ้าของโปรเจ็คนี้
|
รอการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ |
|
เพื่อนร่วมงาน แถวหลัง 3 คน เป็นวิศวกรท้องถิ่นชาวบังคลาเทศ ขวาสุดแขกผู้มาเยือน คนกลางวิศวกรเครื่องกลชาวญี่ปุ่นตัวแทนจาก Mitsubishi heavy equipment ส่วนด้านซ้ายคือคนไกลบ้าน |
|
วิศกรท้องถิ่นที่ดูแลงานด้านโยธา |
|
ลูกทีม ที่เป็นช่างเทคนิคและแรงงานท้องถิ่น |
และหลังจากส่งมอบโปรเจ็คเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็เป็นพิธีการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ โดยรัฐมนตรีผู้ซึ่งกำกับดูแลการท่าเรือ ( รัฐมนตรี ภาษาบังคลาเทศจะเรียกคล้ายกับเราโดยเรียกว่า
มนตรี )
|
พิธีสรุปและกล่าวรายงานโปรเจ็คต่อรัฐมนตรี |
|
รัฐมนตรี เป็นประธาน (ชุดขาว) |
|
แขกผู้ทรงเกียรติ และ อื่นๆ |
|
รัฐมนตรีเดินทาไปตัดริบบิ้น |
|
รัฐมนตรี (Civil Minister ) ทำการตัดริบบิ้นเปิดงาน |
|
ตัดริบบิ้นเสร็จ สวดมนต์ขอพรและขอบคุณพระเจ้า |
|
แสดงการยกตู้สินค้าเพื่อเป็นปฐมกฤษ์ |
|
รัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ตามธรรมเนียมปฏิบัติ |
|
ผม...ผู้อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำทางด้านเทคนิค |
|
เพื่อนร่วมงาน 5 วิศวกรท้องถิ่น
จบตอนที่ 1 โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
|
เป็นกำลังใจและเป็นแฟนเพจบนเฟซบุ๊กกด LIKE ที่นี่=> https://www.facebook.com/realtigerwalker
No comments:
Post a Comment