First time in Japan
ญี่ปุ่นครั้งแรก
ทริปนี้เกิดขึ้นช่วงกลางเดือน พฤษภาคม 2004 (2547) ซึ่งได้รับโอกาสจากผู้บังคับบัญชาให้ไปช่วยงาน FAT (Factory Acceptance Test) ที่บริษัทผู้ผลิตเครนสำหรับยกตู้คอนเทรนเนอร์สินค้าที่เมืองโออิตะ (OITA)
* Factory Acceptance Test => คือการทดสอบเพื่อตรวจรับงาน ณ โรงงาน
ช่วงนั้นสนามบินสุวรรณภูมิยังสร้างไม่เสร็จ การเดินทางก็ต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองแล้วบินตรงไปที่สนามบินฟุกุโอกะ ( Fukuoka) จากนั้นก็นั่งรถไฟต่อไปอีกประมาณสองชั่วโมงไปลงที่เมืองโออิตะ (Oita) และเช็คอินเช้าพักที่โรงแรมริมแม่น้ำก่อนเดินทางไปยังบริษัทผู้ผลิตเครนในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
ถ่ายจากบนเครน ฉากหลังเป็นบริเวณโดยรอบๆ |
ทดสอบระบบควบคุมเครน |
สองวันผ่านไปหลังจากเสร็จงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว ตอนเย็นก็มีการเลี้ยงอาหารค่ำขอบคุณลูกค้าซึ่งจัดขึ้นที่กลางใจตัวเมืองโออิตะ
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้มาญี่ปุ่น ประสบการณ์ที่ได้รับถือได้ว่าเป็นความทรงจำที่ดีและยากจะลืม มีโอกาสได้สัมผัสไลฟ์สไตล์(กินอยู่คือ) แบบญี่ปุ่นแบบถึงเนื้อถึงตัวเลยที่เดียว
เมนูมื้อค่ำ ณ วันนั้นจัดได้ว่าเป็นเมนูที่สุดๆ มีทั้งซาซิมิปลาเป็นๆ(Fish Sashimi)และซาซิมิหมึกเป็นๆ(Squid Sashimi) ที่สั่งมาแกล้มกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างโชยุและสาเก(มีทั้งสาเกร้อนและสาเกเย็น) และรวมถึงเมนูสุดโต่งอื่นๆมากมาย
(Cr: www.polskaludowa.com) ตัวอย่างซาซิมิปลาเป็นๆ ของจริงๆส่วนหัวยังไม่ตายและยังหายใจตะงาบๆอยู่ในจาน |
(Cr: www.polskaludowa.com) ตัวอย่างซาซิมิปลาหมึกเป็นๆ ของจริงๆนั้นหนวดปลาหมึกยังดิ้นได้อยู่เลย |
หลังเรียบร้อยจากมื้อค่ำแล้ว ตัวแทนฝ่ายลูกค้าก็พาไปแนะนำให้รู้จักวิธีชีวิตการกินดื่มของคนท้องถิ่นที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งซึ่งก็เป็นความทรงจำดีๆอีกเช่นกัน
บริเวณย่านกินดื่มในยามค่ำคืน |
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา.... หลังเสร็จหน้าที่การงานแล้ววันรุ่งขึ้นก็มีโอกาสได้ไปเที่ยวบนยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองนี้รวมถึงแหล่งน้ำพุร้อนอื่นๆ แต่ทว่ารูปมันหายก็เลยไม่มีมาอวดกันในที่นี้
คุณหลอกดาว...
เมื่อเสร็จงานที่ได้รับหมอบหมายก็บินกลับโดยเส้นทางเดิมจากสนามบินฟุกุโอกะมาลงที่ดอนเมือง.....การเดินทางจากญี่ปุ่นมาถึงไทยก็เป็นอะไรที่ราบรื่นประมาณว่า smooth as silk ไม่มีอะไรติดขัด... แต่ทว่าดันมาเป็นเรื่องที่เมือง
คลิปคุณหลอกดาว https://www.youtube.com/watch?v=afUd6U9u_UA |
รถวอลโว่ไปแหลมฉบัง1500 บาท ถือว่าสมเหตุสมผล (แพงกว่าแท๊กซี่ทั่วไป 300 แต่ได้นั่งวอลโว่ )
สรุปว่าอาวๆๆ ไปก็ไป .....และหลังจากที่ล้อหมุนออกจากสนามบินได้นิดหน่อยพี่แกก็ขอเก็บค่ามัดจำส่วนหนึ่งทันทีหนึ่งพันบาทที่เหลือจ่ายปลายทาง
หลังจ่ายค่ามัดไปได้ชั่วแค่อึดใจพี่แกก็เริ่มออกลาย แกจอดรถพร้อมชี้ไปที่ยางและบอกว่ายางแบนสงสัยจะรั่วไปต่อไม่ได้ จากนั้นก็เลี้ยวเข้าซอยที่อยู่ใกล้ๆแล้วส่งหมูต่อให้กับแท๊กซี่เน่าๆ+แอร์ร้อนๆที่จอดรอรับช่วงอยู่ต่อ
สรุปว่าเค้าหากินกันเป็นทีม ค่ามัดจำจ่ายไปแล้วเปรียบเสมือนอ้อยเข้าปากช้างและเป็นอะไรที่ยากต่อการแก้ไขและทำอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคืออวยพรพรึมพรำอยู่ในใจ " ทำมาหากินแบบนี้ ก็ขอให้รวยๆ"
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมไม่เคยให้ความสนใจกับพวกแท๊กซี่ที่คอยมายืนถามไถ่และคอยให้บริการด้านในอีกเลย ถ้าจวนตัวก็ถามสั้นๆคำเดียวว่า " กดมิเตอร์ไหม ถ้าไม่กดมิเตอร์ก็ไม่ต้องมาถามอะไร " => กดหรือไม่กด? สั้นๆง่ายๆ
จบบันทึกทริปเมืองโออิตะ.......thanks ที่ติดตาม...
No comments:
Post a Comment