การเดินทางครั้งนี้ เพื่อนร่วมงานในออฟฟิศถึงกับบอกว่าเป็นอะไรที่ตลก หรือ Funny trip
จุดหมายปลายทางของทริปนี้คือแท่นเจาะน้ำมันกลางอ่าวไทยซึ่งคล้ายกับในหลายๆครั้งที่ผ่านมา พิกัดก็อยู่กึ่งกลางระหว่างนครศรีธรรมราชกับสัตหีบชลบุรีโดยค่อนไปทางสัตหีบนิดหน่อย
ซึ่งถ้าย้อนหลังไปเมื่อสามสี่ปีก่อนหากมีงานที่หรือมี Requested จากลูกค้าให้มาช่วยงานที่อ่าวไทย แอดมินของแผนกก็จัดตั๋วให้บินมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นก็นั่งรถยนต์ต่อไปที่ดอนเมือง
ส่วนระยะหลังก็จะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย จากเดิมที่เคยนั่งการบินไทยหรือสิงคโปร์แอร์ไลน์หรือสายการบินมาตรฐานอื่นๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นแอร์เอเซียเนื่องบินตรงไปที่สนามบินดอนเมืองเลย จากนั้นก็บินต่อไปที่สนามบินนครศรีธรรมราชโดยแอร์เอเซีย (AirAsia) หรือไม่ก็เป็นนกแอร์ (nok air) เพื่อไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อบินต่อไปยังอ่าวไทย
พนักงานต้อนรับแอร์เอเซีย (ภาพประกอบจากกูเกิล)
ปฏิทินนกแอร์ (ภาพประกอบจากกูเกิล)
ปกติแต่ละทริปที่เดินทางไปทำงานก็จะบินตรงไปตรง เพื่อย่นระทางให้มากที่สุด แต่ทริปนี้เป็นอะไรที่อ้อมไปอ้อมมา
ทริปนี้ออกเดินทางเมื่อวันที่ 31 สิงคหาคม 2017 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวหรือ long weekends ของสิงคโปร์ เนื่องจากวันที่ 1 กันยายน เป็นวันสำคัญทางศาสนาอิสลามของคนสิงคโปร์ทีมีเชื้อสายมาเลย์ และรวมวันหยุดเสาร์อาทิตย์เข้าไปด้วย ซึ่งก็กลายมาเป็นวันหยุดยาวซึ่งกะเลยทำให้เที่ยวบินขาออกถูกจองเต็มหมด
งานแท่นเจาะน้ำมันเมื่อใดก็ตามที่เครื่องมือขุดเจาะมีปัญหาก็ถือว่าเป็นงานช้าง ซึ่งตั๋วจะหายากและแพงก็จำเป็นต้องดิ้นรนหา
(มีครั้งหนึ่งเคยหิ้วอะไหล่นั่ง ฮ. ไปคนเดียว ...อย่างเหงาเลย)
ทริปนี้ก็เช่นกันเมื่อเที่ยวบินที่จะบินจากสิงคโปร์ตรงมาไทยถูกจองหมด บริษัทก็เลยต้องออกตั๋วให้ไปเปลี่ยนเครื่องที่อินโดนีเซียก่อนที่จะบินเข้าไทย
วันนี้มีโอกาสได้สัมผัสและหายใจรดสนามบินถึง 5 แห่ง ภายในวันเดียว นานๆจะมีครั้งเลย
สนามบินแรก...ชางฮี แอร์พอร์ต (สิงคโปร์)
30 สิงหาคม...ออฟฟิศแจ้งคร่าวๆว่าจะต้องบินตอนเจ็ดโมงเช้าของวันที่ 31 สิงหาฯ และให้รออีเมล์เพื่อยืนยันเที่ยวบิน ซึ่งเราก็รอจนเกือบเที่ยงคืนก่อนจะล้มตัวนอน
ตีสองกว่าๆตื่นมาเข้าห้องน้ำและเช็คอีเมล์และก็เขียนเที่ยวบินซึ่งเหมือนกับที่ได้รับแจ้งไว้คร่าว ... จากนั้นล้มตัวนอนอีกครั้ง
แต่เนื่องจากต้องบินเจ็ดโมงเช้า นั่นหมายความว่าต้องไปถึงสนามบินตอนประมาณแถวๆตีห้าหรืตีห้านิดๆ ซึ่งก็เลยเป็นเหตุให้เกิดการกังวล เพราะถ้าเกิดฝันดีและหลับเพลินไปและไม่ลุกตามที่นาฬิกาปลุกส่งเสียงเรียกก็อาจมีสิทธิตกเครื่อง
นอนกังวลแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่พักใหญ่และฝืนนอนต่อไปไม่ได้ ก็เลยอาบน้ำแต่งตัวจับแท๊กซี่ไปสนามบิน
ตามกติกา หากเป็นการบินออกนอกประเทศ จะต้องมาถึงสนามบินและเช็คก่อนประมาณสองชั่วโมง แต่ทว่าไฟล์นี้เป็นเที่ยวบินแรก เช้าคนยังไม่ค่อยมีก็เลยกลายเป็นว่าเรามาเร็วไป เคาท์เตอร์มีแต่ความว่างเปล่าโดยเจ้าหน้าที่ยังมาไม่ถึง ...
เที่ยวบินแต่ละเที่ยวยังไม่เรียกเช็คอิน
ระหว่างที่รอ .... ก็มีนางฟ้าเดินผ่านมาเป็นระยะๆ
หนักงานต้อนรับบนเครื่องหรือแอร์โฮสเตส ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ( ระดับจูเนียร์ ๋ Junior)
แอร์โฮสเตสสิงคโปร์แอร์ไลน์ ( ระดับซีเนียร์ senior )
หลังนั่งรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงเคาท์เตอร์ก็เปิดเช็คอิน
แต่เนื่องจากที่นั่งชั้นประหยัดเต็มหมดเที่ยวนี้ออฟฟิศก็จองชั้นธุรกิจหรือ
Business class ให้ (กราบงามๆ)
เมื่อได้ตั๋วชั้น Business class ก็ถือเป็นธรรมเนียมของสายการบินที่จะต้องเชิญไปพักผ่อน และใช้บริการเลาน์ของสายการบิน ซึ่งก็มีทั้งอาหารเครื่องดื่มรวมถึงไวน์เครื่องดืมแอลกอฮอล์ต่างๆ
ดานาต้า ซึ่งเลาน์จของสายการบินการูด้า
ดานาต้าเลาน์จซึ่งเป็นห้องรับรองผู้โดยสารชั้นเฟร์สคลาสและบิสิเนสคลาส ของสายการบินการูด้าซึ่งมีอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการ
อร่อยกับข้ามต้มไข่เยี่ยวม้า และกาแฟสดจากไร่
เจ็ดโมงได้เวลาเทคออฟ (Take off ) ออกเดินจากสิงคโปร์จากาต้าร์ อินโดนีเซีย ด้วยสายการบินการูดาอินโดนีเซีย (Garuda Indonesia) ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติของประเทศอินโดนีเซีย
การูนด้า แปลว่า "ครุฑ
ชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องของสายการบินการูด้า
VIDEO
คลิป น่านฟ้าเหนือเกาะสิงคโปร์ มุ่งหน้าสู่อินโดนีเซีย
น้ำส้มคั้นเย็นชื่นใจ พร้อมทั้งอาหารเช้าเสิร์ฟบนเครื่องอีกรอบ
หายใจรดสนามบินแห่งที่สอง
ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา
Soekarno Hatta ที่กรุงจากาต้าประเทศอินโดนีเซีย
สนามบินนี้ดูค่อนข้างใหม่และีมสีสรรสดใสดูดี เลยเก็บมาภาพเล็กๆน้อยๆมาฝากกัน
ขอสักหน่อย กับตุ๊กตาอินโดนีเซีย
ร้านของฝาก
เครื่องสำอางค์และของที่ระลึก
สนามบินนี้เก้าอี้สำหรับผู้โดยสารรอขึ้นเครื่องแต่ละเกท (gate) จะมีสีแตกต่างกันและมีสีสรรสดใส
รอเปลี่ยนเครื่องอยู่ไม่นาน 9.30 ก็ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้งเพื่อบินมาที่สนามบินสุวรรณภูมิบ้านเรา(ประมาณบายโมง)
จากนั้นก็ต่อรถไปที่สนามบินดอนเมือง (สนามบินที่ 3) โดยรถที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้ที่มารอรับอยู่ด้านฝั่งผู้โดยสารขาเข้า
และมาถึงสนามบินดอนเมืองก็เลยถือโอกาสฝากท้องไว้ที่สยามสตอรี่ (siam story) ...นานๆได้กลับไทยที ก็เลยหวดอะไรที่หากินยากในต่างแดน
ผัดไทยกุ้งสด + ข้าวเหนียวมะม่วง
รอเวลาจนถึงหนึ่งทุ่มจากนั้นก็บินต่อไปที่สนามบินนครศรีธรรมราช (สนามบินที่ 4) โดยสายการบินนกแอร์
จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่โรงแรมทวินโลตัส (Twin lotus) ซึ่งเป็นโรงแรมคู่ค้าของฝ่ายลูกค้าเพื่อหลับพักผ่อนเอาแรงหนึ่งคืน
แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าวอ่อน เมนูโปรดของทุกครั้งที่เดินทางมาพักที่นี่
พระธาตุเมืองคอน ที่ซูมจากหน้าต่างห้องพักที่โรงแรมทวินโลตัส
พักผ่อนนอนสลบไสลที่นี่หนึ่งคืนและเดินทางต่อไปที่เฮลิเบส (Heli base) วันรุ่งขึ้น (1 กันยายน 2017 ) เพื่อนั่งเฮลิคอปเตอร์บินต่อไปยังแท่นเจาะน้ำมันซึ่งตั้งอยู่กลางอ่าวไทย
และหลังจากทำงาน กินอยู่หลับนอนอยู่บนแท่นอยู่ได้หนึ่งสัปดาห์ ก็ทำการปิดจ๊อบและเดินทางกลับฐาน
ขากลับไม่ต้องบินอ้อมเหมือนขามา .... หลังจากเฮลิคอปเตอร์บินถึงฝั่ง ก็ลากกระเป๋าเข้าสนามบินนครศรีธรรมราชแล้วบินมาดอนเมือ .... จากดอนเมืองก็นั่งรถต่อมาที่สุวรรณภูมิและบินตรงกลับสิงคโปร์
คลิป...ถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์วันเดินทางกลับ เหนือบริเวณอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช
VIDEO
มาถึงสนามบินที่นครศรีธรรมราช ก็พักดื่มกาแฟ
ได้เวลา ต่อแถวเข้าเกทเพื่อบินกลับดอนเมือง
ขามาหวดข้าวเหนืยวมะม่วงที่ดอนเมือง .... ขากลับหวดข้าวเหนียวมะม่วงที่สุวรรณภูมิ
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังผ่านเคาท์เตอร์ตรวจคนออกเมือง
บินออกจากเมืองไทยวันที่ 9 กันยายน ใช้เวลาบินสองชั่วโมงยี่สิบนาที ไปถึงสิงคโปร์เวลาห้าทุ่มครึ่ง หรือเที่ยงคืนครึ่งของสิงคโปร์ ( นับเป็นเช้าวันใหม่ของสิงคโปร์) จากนั้นก็จับแท๊กซี่กลับห้องพัก
แต่เนื่องจากกุญแจห้องหายระหว่างการเดินทาง (น่าจะลืมไว้ที่สนามบินที่ไหนสักแหง) ก็เลยเป็นเรื่อง พยายามใช้กุญแจผีก็แล้ว ดูคลิปเกี่ยวกับการสะเดาะลูกบิดและทำตามก็แล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล
พยายามอยู่สองชั่วโมงแต่ก็ไม่สำหรับ สุดท้ายเลยต้องนอนนอกห้องและว่ากันใหม่ในตอนเช้า .... และจบทริปด้วยการนอนบนโซฟานอกห้องซึ่งเป็นจบทริปที่ขี้เหร่ได้ใจ...
No comments:
Post a Comment